พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน แนะรัฐบาลร่วมสร้างปรองดอง
สัมภาษณ์พิเศษ : การเมือง ข่าวสด
ถูกวิจารณ์มากถึงท่าทีเปลี่ยนไปจากหัวหน้าคณะปฏิวัติเมื่อ 19 ก.ย.2549 มาเป็นหัวขบวนสร้างปรองดอง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เปิดใจกับ "ข่าวสด" ถึงจุดยืนและแนวคิดในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ
สาเหตุของการตั้งคตส. และการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยในการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่สภา ดังนี้
------------
ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิวัติแล้วมาเป็นประธานกมธ.ปรองดอง หลายฝ่ายมองว่าเป็นบุคคลโลเล ?
บรรพบุรุษของผมอยู่ในประเทศไทยมากว่า 400 ปีแล้ว มีคุณปู่เป็นพระยา ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินนี้มามาก จึงต้องหาวิธีการแทนคุณแผ่นดินไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม ซึ่งสิ่งที่ผมทำเหมือนเอาคอพาดเขียง ถามว่าทำแล้วได้อะไรบ้าง ใครให้เป็นอะไรก็ไม่เอา
ยืนยันว่าผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมในวันนี้กับผมในอดีตยังเป็นคนๆ เดียวกัน
ผมเป็นคนปรองดองมาตั้งแต่เด็ก ยึดถือคติว่ามีศัตรูแค่ครึ่งคนก็ลำบากแล้ว แต่ผมจะไม่ขอพูดเรื่องอดีตแล้ว จะพูดแต่ปัจจุบันและอนาคต เพราะหยิบเรื่องข้างหลังมาพูด มีแต่จะยิ่งขัดแย้ง
บ้านเมืองเรามีอุปสรรคในการพัฒนา เพราะมัวแต่ยึดติดตัวบุคคลมากกว่าองค์กร ผู้น้อยก็หวังพึ่งแต่ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็หวังได้ผู้น้อยมาสร้างบารมี ซึ่งความขัดแย้งของประเทศไทย มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2475 และขัดแย้งรุนแรงสุดในปีพ.ศ. 2549 จากการปฏิวัติรัฐประหาร
ทั้งที่เหตุผลของการปฏิวัติจริงๆ แล้วคือเพื่อให้เกิดความสามัคคี เกิดความปรองดองของคนในชาติ
แต่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีรัฐบาลมาแล้ว 5 ชุด ไม่มีรัฐบาลใดจะสร้างความเข้มแข็งในกรณีนี้ ส่วนใหญ่ยังเน้นแก้ปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และการปกครอง แต่ในการพัฒนาสังคม การสร้างความรัก ความปรองดองของคนในชาติทำน้อยมาก
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจสร้างความปรองดองจริงเชื่อว่าจะทำได้ แต่ผู้นำประเทศต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ใช่วางตัวอยู่ข้างหนึ่งแล้วไปทะเลาะกับอีกข้าง ต้องวางตัวว่า ฉันคือเสาหลักของประเทศ