เมื่อ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 ว่า
เมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานฮาเนดะ กรุงโตเกียว ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติฟูกูโอกะ และต่อไปยังสถานีรถไฟฮากาตะ เพื่อเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง
ซึ่งหลังการรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางด้วยขบวนรถไฟซินกันเซ็น ไปยังจังหวัดคุมาโมโตะ เยี่ยมชมโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดคุมาโมโตะ และเยี่ยมชมปราสาทคุมาโมโตะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีและคณะ เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติฟูกูโอกะ นายเซจิโร ฮัตโตริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฟูกูโอกะ
ได้ให้การต้อนรับ และเดินทางต่อไปยังศูนย์ควบคุมการจราจร และสถานีรถไฟฮากาตะ เพื่อเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินงานของรถไฟซินคันเซ็น และระบบความปลอดภัย จากนั้น เยี่ยมชมร้านขายของที่ระลึกและสินค้าโอท็อปภายในสถานี ก่อนที่จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟซินกันเซ็น ไปยังจังหวัดคุมาโมโตะ และขึ้นรถไฟทัศนาจร อะโสะบอยส์ เพื่อชมแนวคิดและการตกแต่งแบบรีสอร์ต เทรน โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดคุมาโมโตะ ปราสาทคุมาโมโตะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปยังเมืองคุมาโมโตะว่า ต้องการดูเมืองต้นแบบของโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล (โอท็อป)
ซึ่งเคยดูงานมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเริ่มดำเนินการ เพื่อดูว่าญี่ปุ่นมีพัฒนาการอย่างไรบ้างจะได้นำมาปรับปรุง และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยรวมทั้งส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)
“เราจะเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น จะถือโอกาสเรียนรู้สองมุม คือการดูงานเรื่องรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น และดูสิ้นค้าโอท็อปของญี่ปุ่นที่นำมาขายบนรถไฟ สิ่งเหล่านี้เราจะได้ดูและนำมาพัฒนา ส่งเสริมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นของประเทศไทยได้ ดิฉันต้องการเห็นความฝันของผู้ประกอบการโอท็อปไทยเป็นจริง เป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทยและสร้างชื่อเสียงในตลาดโลกค่ะ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางญี่ปุ่นจัดให้ชมการสาธิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าภายหลังการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นว่า
เราควรจะต้องศึกษากับพัฒนาการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับพลังงานสีเขียว สร้างมลภาวะในอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งรถไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งที่ทุกประเทศจะนำมาพูดคุยเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สำหรับประเทศไทยก็ต้องศึกษาเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน เพราะเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่ง