นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า
พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนแนวทางปรองดองแต่สิ่งที่ไม่สนับสนุน คือการนำคำว่าปรองดองมาบังหน้า แต่สุดท้ายคือการสร้างความขัดแย้งใหม่ โดยการออกกฎหมายหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เหนือกฎหมายไทย รัฐบาลไม่ควรบิดเบือนข้อเสนอของ คอป. เพราะนายคณิต ณ นคร ประ ธานคอป. ก็พูดชัดเจนว่าไม่เคยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ท้าให้ทำประชามติในการออกพ.ร.บ.ปรองดอง
ต้องถามว่าจะตั้งคำถามในการทำประชามติว่าอย่างไร เพราะถ้าถามว่าจะปรองดองหรือไม่ประชาชนเกือบ 100 % ก็คงตอบว่าปรองดองรวมทั้งตนด้วย แต่ถ้าถามว่าจะล้างผิดให้คนโกงหรือไม่ ก็ไม่คิดว่าประชาชนจะยอมให้ล้างผิดคนโกง นอกจากนี้ การทำประชามติตามรัฐธรรม นูญก็มีเงื่อนไขใน ม.165 ว่าต้องไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรมนูญ และต้องไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคลหรือคณะบุคคล ดังนั้นจะบอกว่าทำประชามติให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านหรือไม่นั้นทำไม่ได้เพราะขัดรัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ถ้ารัฐบาลไม่ยึดเอาเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณหรือวาระของตัวเองเป็นเป้าหมาย
ก็เป็นโอกาสในการทำให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างกติการ่วมกันและเป็นส่วนหนึ่งของการปรองดองได้ แต่ถ้ารัฐบาลยึดแต่ความต้องการของตัวเองก็เป็นการตอกย้ำความขัดแย้งมากกว่า ส่วนการเคลื่อน ไหวของกลุ่มพันธมิตรที่จะยื่นถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่รับหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าขัดรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถทำได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการวินิจฉัยคำร้องขอถอด ถอนตนและน.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์
ออกจากตำแหน่งกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นคำร้องให้ตรวจสอบการแจกถุงยังชีพของกระทรวงพลังงาน ว่า ไม่มีความกังวล ใจต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะวินิจฉัยอย่างไรตนก็เคารพ และจะเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยตามคำสั่งศาลด้วยตนเองและยอมรับคำวินิจฉัย วันที่ 20 เม.ย. ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจ ฉัยกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องถึงพฤติ กรรมขัดรัฐธรรมนูญของพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ที่ออกคำสั่งแต่งตั้ง ส.ส.ไปบริหารของบริจาคในช่วงน้ำท่วมปลายปีที่แล้วพร้อมกับ ส.ส.อีก 8 คนด้วย กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ส.ส.เข้าไปมีอำนาจในการบริหารจัดการ ถือเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายข้าราชการในการจัดสรรถุงยังชีพ แต่กรณีของตนและน.พ.วรงค์ไม่ได้แอบอ้างและแทรกแซงอะไร