โกวิทสั่งปูพรมค้น5จุดกทม. พบรังผลิตบึ้ม

นำ2ทหารเข้าเครื่องจับเท็จ


ไม่เชื่อคำให้การโยนกลุ่มใต้ สรุปหลักฐานตั้งข้อหา26ม.ค.

ทีมสืบ ตร.คดีบึ้มนัด 26 ม.ค.สรุปจับหรือไม่ เผย พ.ท.เปลี่ยนใจปิดปากหลังบิ๊กสีเขียวโทร.คุย นำ 2 ทหารเข้าเครื่องจับเท็จรู้ผลวันนี้ กองปราบฯค้นอีกห้องพักคนสนิทเสธ.คัด ยึดซีดี 6 กล่องตรวจสอบ นครบาลเจอ รง.คลังระเบิดกลางกรุง ส่งพิสูจน์พันบึ้ม กทม. "อนุพงษ์" ยันไม่มีใครรับสารภาพ ย้ำ 4 คนน่าสงสัย ให้หาหลักฐานจับก่อนครบคุมตัว 7 วัน "โกวิท"ยืนยัน คมช.ไม่มีล็อคสเปค ปล่อยตัวแล้ว 5 ไม่เกี่ยว

@ "อนุพงษ์"ยันไม่มีใครรับสารภาพ


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ถึงการสืบสวนสอบสวนคดีเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ กทม. และ จ.นนทบุรี 9 จุด

ก่อนจะออกเดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารในพื้นที่ จ.ลพบุรี ว่า การไปครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคดีเหตุการณ์ระเบิด ไปตรวจเยี่ยมหน่วยเท่านั้น ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวถูกนำตัวมาอยู่ใน กทม.แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องสงสัย 1 ใน 19 คน ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตรวจสอบล่าสุดแล้วยังไม่มีใครรับสารภาพ และตำรวจเองก็ไม่ได้ให้ข่าวและก็ไม่มีการออกมายอมรับ เมื่อถามว่าคาดหวังหรือไม่ว่าจะสามารถสอบสวนถึงผู้อยู่เบื้องหลังได้ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่ต้องว่าไปตามหลักฐาน และยังไม่ทราบว่าในจำนวน 19 คน จะเป็นผู้มีหลักฐานไปถึงจนออกมาจับได้


@ ปัดไม่เคยไม่ไว้วางใจตำรวจ


เมื่อถามถึงข้อสังเกต การเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนเหมือนเป็นการจัดฉาก พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า "ผมไม่ได้ให้ข่าวเรื่องนั้น เรียนว่าตามรายงานฉบับที่ได้เรียนไปให้นายกรัฐมนตรีทราบ เป็นฉบับเดียวกันที่เอาเรียนให้สื่อมวลชนได้รับทราบ"

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ คมช.ออกมาแสดงความไม่ไว้วางใจการทำงานของตำรวจ แต่เมื่อ ผบ.ตร.ชี้แจง คมช.ก็เข้าใจทันที พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ประเด็นแรกเรื่องความไม่ไว้วางใจ ตนไม่เคยไม่ไว้วางใจ และไม่เคยเห็นว่าใครไม่ไว้วางใจตำรวจ เพราะบ้านเมืองคงอยู่ไม่ได้


@ เชื่อ3-4คนน่าเกี่ยวข้องเหตุบึ้ม


ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ว่า ผลการตรวจสอบพบเชื้อวัตถุไฟฟ้าน่าจะเป็นชนิดเดียวกันกับที่เกิดเหตุ อีกประการหนึ่งคือถ่านไฟฉายที่ได้มาก็เป็นชนิดเดียวกัน ทั้งสองประการเป็นตัวกำหนดที่กล้าเรียนว่าไม่มีการจับแพะ เพราะการไปจับใครแล้วมีวัตถุระเบิดอยู่ถือว่ามีความผิดแล้ว เมื่อได้พยานหลักฐานแล้วจะโยงไปหาผู้ที่เกี่ยวข้อง

"ขณะนี้คณะสืบสวนยืนยันว่าใน 19 คนที่เชิญตัวมาสอบสวนจำนวนหนึ่งน่าจะมี 3-4 คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดและที่เหลือจะพิจารณาให้กลับบ้านได้" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว


@ ย้ำตร.ต้องชัดอย่าจับแพะ


เมื่อถามว่า ปกติทหารจะมีวัตถุที่ใกล้เคียงแบบนี้ครอบครองได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า นั่นแหละคือคำถามที่จะต้องตอบเรื่องแพะ เมื่อไปเชิญใครมาและเจ้าหน้าที่คนนั้นได้เก็บวัตถุระเบิด ตำรวจจะเชื่อว่าเกี่ยวโยงวันที่ 31 ธันวาคมหรือไม่ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องสืบเพิ่มเติม ขณะนี้ประเด็นอยู่ที่ว่ามีวัตถุระเบิดจริง ต้องไปสืบสวนสอบสวนให้ได้จนสามารถออกหมายจับได้

"คมช.ยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องได้คนที่กระทำผิดจริง โดยมีพยานหลักฐานที่ถูกต้องก็ต้องว่าไปตามนั้น แต่หากพยานหลักฐานไม่เชื่อมโยงก็อย่าไปทำให้เชื่อมโยง" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว


@ จี้ไล่ตามหาตัว"คนวางแผน"



กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงิน เนื่องจากที่ผ่านมาอำนาจเงินมีผลต่อกิจกรรมต่างๆ ทั้งใต้ดิน บนดิน ทำให้เบี่ยงเบนไปหมด ทำลายกลไกของรัฐให้เสียหาย ตรงนี้น่าจะคิดมากกว่าจะไปคิดว่านายทหารประทวนหรือสัญญาบัตรทำ เพราะการกระทำอาจจะไม่ได้มาจากตัวแสดง คนที่วางแผนล่วงหน้าอย่างแยบยลนั้นสำคัญกว่า ไม่อยากให้ไปสนใจความคืบหน้ารายวันว่า ค้นบ้านใครบ้าง แต่ต้องดูให้ลึกซึ้งว่าใครวางแผน

"ที่ยังจับคนร้ายกันไม่ได้เพราะระบบยุติธรรมสั่นคลอนในการไม่ยึดความถูกต้อง และการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ที่ตนเองมีเพื่อความถูกต้อง กลับถูกเบี่ยงเบนบางส่วนบางระดับ แม้แต่ในกองทัพเองก็มีการเบี่ยงเบนเกิดขึ้นในอดีต" พล.อ.สพรั่งกล่าว


พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร




@ ดีเอสไอพร้อมส่งทีมสนับสนุน


ทางด้านนายไกรสร บารมีอวยชัย รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงการร่วมสอบสวนคดีระเบิดกับตำรวจว่า มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ เบื้องต้นตั้ง พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เป็นผู้แทนดีเอสไอประสานกับตำรวจเพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือ ต้องการให้สนับสนุนการสอบสวนด้านใด ดีเอสไอจะยังไม่จัดทีมเข้าไปร่วมโดยตรง จะเก็บข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการเพื่อหาข้อมูลสนับสนุนตำรวจ

ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์กล่าวว่า ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังชุดสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดของตำรวจ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับมา เนื่องจากกำลังทำงาน คงต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรไปประสานอีกครั้ง

@ ปล่อย5ผู้ต้องสงสัยสอบไม่เกี่ยว


ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด 9 แห่งใน กทม.และนนทบุรีว่า ชุดสืบสวนสรุปผลการสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 18 คนเบื้องต้นแล้วที่พบว่ามีผู้ต้องสงสัย 5 คน เป็นพลเรือน 3 คน และทหาร 2 นาย เมื่อตรวจสอบแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวไว้ต่อไป

และให้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คนโดย ทราบชื่อเพียง 2 คน คือ นายพิภพ จึงเหลืองอ่อน คนสนิทของ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ และนายสวาท กระโจม คนสนิทของทหารกลุ่มหนึ่ง ส่วนผู้ต้องสงสัยรายที่ 19 ซึ่งเป็นทหารอากาศที่ควบคุมตัวมาสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ

@ เผยทหารโยนฝีมือกลุ่มป่วนใต้


รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัยแต่ละรายไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อคดี และยังไม่มีใครเปิดปากรับสารภาพตามที่เป็นข่าว โดยเฉพาะในรายที่เป็นทหารมักจะอ้างว่าเหตุระเบิดดังกล่าวน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยหลายรายโกหก

โดยเฉพาะแหล่งที่อยู่ในวันที่เกิดเหตุ ที่ทุกคนในกลุ่มผู้ต้องสงสัยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังรอตรวจสอบทางเทคนิคบางอย่าง เพื่อยืนยันที่อยู่ของผู้ต้องสงสัยแต่ละรายอย่างละเอียด คาดว่าไม่น่าเกินวันศุกร์ที่ 26 มกราคมจะทราบผล

@ พ.ท.เปลี่ยนใจหลังบิ๊กทหารโทร.คุย


รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดรายใดได้บ้างภายในวันที่ 26 มกราคม เพราะขณะนี้ชุดสืบสวนมีหลักฐานบางอย่างที่พุ่งเป้าไปที่ "นายทหารยศ พ.ท." คนหนึ่งสังกัดหน่วยทหารในจังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่นำตัวมาสอบสวน

เพราะพบพิรุธหลายประการ ที่สำคัญให้การครั้งแรกของ พ.ท.นายนี้ ได้แสดงความต้องการที่จะบอกข้อมูลบางอย่างกับชุดสืบสวน แต่หลังจากได้โทรศัพท์คุยกับนายทหารระดับสูงคนหนึ่ง ที่เป็นผู้บังคับบัญชาก็ขอเปลี่ยนใจที่จะให้การ และขอให้การปฏิเสธ

"ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังรอผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์บางอย่างที่ยึดได้จากบ้านพัก และที่ทำงานของนายทหารนายนี้ หากพบว่ามีหลักฐานตรงกับวัตถุระเบิดที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ จะนำมาเป็นข้อมูลพิจารณาต่อไป" แหล่งข่าวชุดสืบสวนระบุ

@ นำ2ทหารเข้าเครื่องจับเท็จ


ต่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (สนว.ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำทหารผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันคดีวางระเบิด 2 นายเข้าเครื่องจับเท็จ ที่กองพิสูจน์หลักฐาน สนว.ตร. โดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง หลังจากที่เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนมาเข้าเครื่องจับเท็จไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากมีสื่อมวลชนดักรอทำข่าวการนำผู้ต้องสงสัยเข้าเครื่องจับเท็จจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนต้องพยายามหลอกล่อสื่อมวลชน เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพไปได้ โดยการขับรถวนไปวนมาและเปลี่ยนช่องทางประตูที่จะนำผู้ต้องสงสัยเข้าห้องจับเท็จ ขณะเดียวกัน ก็มีการวางกำลังตำรวจสันติบาลประจำทุกจุดทางเข้าออก อาคารกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อกันสื่อมวลชน


@ ค้นอีกห้องพักคนสนิทเสธ.คัด



ต่อมาเวลา 15.40 น. พ.ต.ท.วิโรจน์ ชัยสังขะ รอง ผกก. 2 ป. พร้อมกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้ระเบิด บก.ตปพ. บช.น. และกำลังตำรวจราว 20 นาย ตรวจค้นห้องพักนายกฤษดา อามาตย์ชาลี อายุ 31 ปี คนสนิทของ พ.ท.สุชาติ คัดสูงเนิน หรือ เสธ.คัด เช่าเป็นสถานที่เก็บแผ่นซีดี ที่อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 98/3 หมู่ 3 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีวิทยุชุมชนตำบลท่าศาลา

จากการตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่ยึดแผ่นซีดีจำนวน 6 กล่อง นำไปตรวจสอบว่าผิดกฎหมายหรือไม่พ.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจค้นครั้งนี้ มาตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม


@ พ่อพ.จ.อ.พร้อมประกันลูกชาย


นายวิรัตน์ เบ้าภาระ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 334/5 หมู่ 5 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นพ่อของ พ.จ.อ.สุรพงษ์ เบ้าภาระ เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองซ่อมบำรุงอากาศยาน กองบิน 2 กองพลบินที่ 1 ถูกเชิญตัวไปสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ พ.จ.อ.สุรพงษ์ยังไม่กลับบ้าน รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก ไม่ทราบว่าอยู่อย่างไรเพราะไม่ได้ติดต่อมาเลย แต่เตรียมเงินเอาไว้แล้วเพื่อประกันตัวลูกชาย


@ ยันบริสุทธิ์เกิดเหตุอยู่ที่บ้าน


นายวิรัตน์กล่าวว่า ขอยืนยันว่าลูกชายของตนบริสุทธิ์ เพราะวันเกิดเหตุคือวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ลูกชายอยู่กับตนและครอบครัวที่บ้าน โดยจัดเลี้ยงสังสรรค์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึงเวลา 23.00 น. ลูกชายจึงออกไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ในตัวเมืองลพบุรี และกลับมาถึงบ้านในตอนเช้า จากนั้นอยู่บ้านตลอด จนถึงวันที่ 2 มกราคม จึงไปสู่ขอหมั้นสาวคนรักที่อำเภอพระพุทธบาท จ.สระบุรี

นายวิรัตน์กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าลูกชายมีความสนิทสนมกับ พ.ท.สุชาติ คัดสูงเนิน เพราะทำธุรกิจจำหน่ายแผ่นซีดีตามตลาดนัดด้วยกัน แต่ยืนยันลูกชายไม่มีส่วนร่วมในเรื่องระเบิดในกรุงเทพฯด้วยอย่างแน่นอน

@ ผบช.น.เพิ่มจุดเฝ้าระวังกทม.


พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.ว่า วางแผนป้องกันดูแลปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทุกระยะ เพิ่มจุดตรวจค้นของฝ่ายป้องกันปราบปรามตามจุดเฝ้าระวังพิเศษต่างๆ ส่วนสถิติการรับแจ้งเหตุข่มขู่วางระเบิดลดลง ส่วนการรับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยโดยประชาชนร่วมกันช่วยสังเกตเป็นหูเป็นตาแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่มีโครงการอบรม

@ นครบาลค้นรง.ซุกระเบิดอื้อ


วันเดียวกัน เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะ สถิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (ผบก.น.4) พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน บก.น.4 และ สน.วังทองหลาง และหน่วยเก็บกู้ตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.)

บช.น. นำหมายค้นศาลอาญาเลขที่ 37/2550 ลงวันที่ 24 มกราคม ค้นโกดังไม้ไม่มีเลขที่ ซอยรามคำแหง 53 ถนนรามคำแหง แขวง-เขตวังทองหลาง กทม. พบระเบิดปลอมแบบลูกเกลี้ยง น้อยหน่า จำนวน 22 ลูก ระเบิดจริงชนิดเดียวกัน 5 ลูก เมื่อตรวจสอบภายในพบว่านำดินระเบิดออกแล้ว

นอกจากนี้ยังพบกระสุนแบงก์ขนาด 9 มม. 100 นัด กระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 4 นัด สายไฟชนวนเชื้อปะทุจำนวนหนึ่ง ดินดำ-เทา อัดเม็ดและแบบผง จำนวนมาก ดินแก๊ป 1 กล่อง ผงระเบิดควัน 16 กล่อง ผงเอฟเฟ็คต์ 3 แกลลอน สำหรับใช้ระเบิดเพื่อให้เกิดประกายไฟ กระป๋องเปล่ามันฝรั่ง 1 กระป๋อง และกระป๋องเปล่าบรรจุเมล็ดแตงโม 1 กระป๋อง


ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์มติชน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์