ธาริต”แฉหลักฐานที่ได้จาก “พสิษฐ์” มีชื่ออดีต รมต.ด้วย จี้ “วิทยา”ตั้ง กก.สอบรวมศูนย์ ดึง อัยการ ดีเอสไอ กรมบัญชีกลางร่วม เพื่อให้เห็นภาพการทุจริต มิใช่แยกสอบราย รพ.ได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย เผยจันทร์นี้ดีเอสไอแถลงเรื่องการทุจริตเบิกจ่ายยาอีก
วันนี้ (31 มี.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิสรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้จัดราชดำเนินเสวนาในหัวข้อ “ชำแหละยาซูโดร่องหน ใครต้องรับผิดชอบ?”
โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอทำงานต่อเนื่องจากคณะทำงานฯ ชุดนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข ประธานคณะทำงานป้องกันปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข และ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งดูแลคดีนี้ มีโรงพัก 8 แห่งที่สอบสวนอยู่และได้ข้อมูลพอสมควร
ขณะนี้มีความชัดเจนว่าวัตถุประสงค์การลักลอบยาแก้หวัดผสมซูโดอีเฟดรีนเพื่อนำไปผลิตเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าและยาไอซ์ เพราะเป็นวัตถุดิบที่ต้นทุนต่ำ โดยยาที่ลักลอบออกจากระบบสาธารณสุข เป็นเพียง 17% ของยาที่นำไปผลิตทั้งหมด ที่เหลือเป็นการลักลอบนำเข้าสูงถึง 83% โดยเฉพาะทางด่านสุวรรณภูมิ เนื่องจากมีหลายประเทศไม่ได้ควบคุมการส่งออกยานี้อย่างเข้มงวด โดยหิ้วเข้ามาเหมือนกับเครื่องสำอาง โสมสกัด และสินค้าทั่วไป แม้บริเวณด่านจะมีศุลกากรทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่ก็ยังมีปัญหาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำให้มีการหิ้วกันอย่างสบายใจ กระเป๋าใบหนึ่งมีเป็นหมื่นเป็นแสนเม็ด รวมถึงหิ้วผ่านด่านชายแดนภาคใต้ ดังนั้นเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาตรงนี้
นายธาริต กล่าวต่อว่า ตัวเลขยาแก้หวัดที่ถูกจับจากการลักลอบนำเข้าไม่ใช่น้อย เรื่องนี้ต้องคุยกันอย่างซีเรียสเพราะคนดูแลที่ด่านมิใช่ อย. หน่วยงานเดียว และเท่าที่มีข้อมูล อย.ถูกกีดกันด้วย ดังนั้นต้องเรียกร้องผู้รับผิดชอบด่านทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นศุลกากร ตม. ต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ มิฉะนั้นก็ยังขนกันอยู่
นายธาริต กล่าวว่า ส่วนตัวอักษรย่อผู้ที่เกี่ยวข้องและเปอร์เซ็นที่ปรากฎเป็นข่าว เป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ได้รับจากนายพสิษฐ์ ทางดีเอสไอตั้งสมมุติฐาน 2 ข้อจากข้อความประมาณ 5 บรรทัด คือ
1.อาจเป็นไปได้ว่า จะมีการแบ่งปันยาและส่งมอบกันไป เพื่อนำไปสู่กระบวนการช็อปปิ้งยาและนำไปผลิตยาเสพติดโดยตรง
และ 2.เป็นการแบ่งปันผลประโยชน์หรือคอมมิชชั่น ข้อมูลนี้มีนัยสำคัญแน่นอน แต่ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าจะเป็นสมมุติฐานใด และการเชี่ยมโยงเกี่ยวกับผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุขและนักการเมืองทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุขจึงต้องตรวจสอบในเชิงลึก และขณะนี้ได้ตรวจการใช้โทรศัพท์ เส้นทางการเงิน ถ้าตรวจออกมาเป็นการแบ่งปันยาจะเป็นหน้าที่ดีเอสไอ แต่ถ้าเป็นแบ่งคอมมิชชั่นจะเป็นความผิดอีกสถานหนึ่งเป็นโทษทางวินัย ซึ่งความรับผิดชอบดีเอสไอทำคดีอาญาต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอจนสิ้นสงสัย เพราะฉะนั้นดีกรีการแสวงหาพยานหลักฐานต้องมาก ส่วนเรื่องทางวินัยอ่อนกว่าเยอะซึ่งไม่เกี่ยวกับดีเอสไอ
ส่วนตัวคิดว่า การสอบทุจริตทางวินัยหรือการสอบเรื่องความไม่ถูกในกระทรวงสาธารณสุข ต้องสอบในภาพรวมด้วย เพราะที่ผ่านมากระทรวงสอบแยกเป็นโรงพยาบาล ทำให้ไม่เชื่อมโยงไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ กลายเป็นข้อจำกัดการสอบทั้งกระบวนการเพื่อขยายผล ตนเห็นว่า ควรจะมีการจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนแบบรวมศูนย์ และดึงคนนอกเข้าไปร่วมด้วย เช่น การสอบที่อาจจะพัวพันไปถึงผู้ใหญ่ในบางกระทรวง อาจจะเชิญ อัยการสูงสุด ดีเอสไอ กรมบัญชีกลาง เข้าไปร่วมด้วย
“ตอนนี้การแก้ไขปัญหายาหวัดเป็นการแก้เฉพาะส่วน แต่การแก้ทั้งระบบลักลอบยามีการแก้หรือยัง และคิดจะแก้หรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นการแก้ปลายเหตุเอาคนทำผิดมาลงโทษที่ป้องปรามได้ระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องแก้ที่ระบบ คนที่รับผิดชอบระบบต้องร่วมกันปรับปรุง ทั้งศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และ อย. ส่วนปัญหาที่เกิดจากระบบสาธารณสุข ตั้งแต่ผู้บริหารลงไป ผู้ตรวจราชการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และผู้อำนวยการโรงพยาบาล ลงไปถึงผู้ปฏิบัติก็ว่ากันไป” นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวด้วยว่า กรณีหลักฐานรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ 5 บรรทัด ไม่ว่าจะสมมุติฐานใดใน 2 ข้อ ก็ผิดอยู่ แต่ดีเอสไอจะทำได้เฉพาะคดีอาญา ส่วนคอมมิชชั่นยาจะพิจารณาว่าเกี่ยวเนื่องเกี่ยวกันหรือไม่ ถ้าไม่เกี่ยวเราก็มีทางเลือกคือส่งให้ตำรวจ และเสนอบอร์ดกรรมการคดีเศษเพิ่มอีกคดีหนึ่งขึ้นมา
เมื่อถามว่า จะมีการเรียกผู้ที่มีชื่อทั้งหมดมาให้ข้อมูลหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบเชิงลึกแล้ว ตามชื่อ เบอร์โทรศัพท์ หลักฐานทางการเงิน จากนั้นจะเรียกมาสอบในฐานะพยายานเพื่อดูว่ามีข้อแก้ตัวอย่างไร ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งตามหลักการตรวจสอบข้อมูลตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน แต่กรณีนี้อาจเร็วขึ้น
“ปัญหายาแก้หวัดที่หายไปจาก รพ.น่าเชื่อว่าเป็นการช็อปปิ้งยา รวบรวมยาเพื่อนำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด คิดว่าน่าจะรู้เห็นเป็นขบวนการเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำส่งให้ผู้ผลิตยาเสพติดรายเดียว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ยา พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ดังนั้นในช่วงบ่ายจันทร์ที่ 2 มี.ค.ดีเอสไอจะประชุมร่วมกับพันธมิตร 9 แห่งเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป”นายธาริต กล่าวและว่า ในช่วงเช้าเวลา 10.00 น. ดีเอสไอจะแถลงเรื่องปัญหาการทุจริตเบิกจ่ายยาใน รพ.ต่าง ๆ ด้วยซึ่งมีมูลค่าหลายล้าน
ต่อข้อถามว่า ยาแก้หวัดที่หายไปจาก รพ.ดูเหมือนคนรับผิดอบมีเพียงเภสัชกรเท่านั้น นายธาริต กล่าวว่า กรณี ผอ.รพ.เราไม่ทิ้งประเด็นนี้ เพราะเป็นหัวหน้าส่วนราชการที่รับผิดชอบดูแล ดังนั้นต้องพิสูจน์ความรับผิดชอบต่อไป ดีเอสไอก็ต้องการปลาใหญ่ อาจจะไม่ได้หมายถึงแค่ ผอ.รพ. อาจจะไปถึงผู้ใหญ่กว่านั้นในกระทรวงสาธารณสุข เพราะชื่ออักษรย่อมันเชื่อโยงไปถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงตั้งแต่อดีตรัฐมนตรี ตามชื่อที่ตรวจสอบพบ ดีเอสไอก็ไม่อยากเห็นการดำเนินการที่ได้แต่ปลาซิว ปลาสร้อย ซี 3 ซี 4 เพราะมันน่าจะมีกระบวนการไฟเขียว หรือเอื้ออำนวยให้กระทำผิด มิฉะนั้นคงไม่กล้าทำหลาย รพ. และหลายแห่ง ทั้งนี้อยากฝากผู้กระทำผิดว่า อย่าหนี ขอให้มาเป็นพยานให้ดีเอสไอ
เมื่อถามว่าคิดว่าเภสัชกร รพ.อุดรธานียังมีชีวิตอยู่หรือไม่นายธาริต กล่าวว่า เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่นายธาริต กล่าวว่า อยากฝากว่า กรณียาหายไปจาก รพ.เรื่องวินัยและทางการปกครองควรดำเนินการไปเลย ไม่ควรรอคดีอาญา เพราะถ้ารอคดีอาญารอเป็น 10 ปี ตนคิดว่ามันน่าจะมีการสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่ รพ. เพราะนั่นสอบตัวเล็ก แต่น่าจะมีการสอบสวนมากกว่านั้น และดึงคนนอกเข้าไปร่วมด้วย