'ยิ่งลักษณ์'จ้อสดรายการ'รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน' แจงหลักประกันสุขภาพ โว'บัน คี มุน' ชื่นชมหลักประกันสุขภาพไทย ย้ำขึ้นค่าแรง 300 บาท ลั่นเอกชนไร้ผลกระทบ
31 มี.ค.55 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" แจงรายละเอียดการสร้างหลักประกันสุขภาพ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ดำเนินรายการโดย นายธีรัตน์ รัตนเสวี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลังจากเดินทางกลับจากการเยือนประเทศเกาหลีใต้ เมื่อกลับมาถึงได้มีการปรับเปลี่ยนการประชุมคณะรัฐมนตรี จากเดิมจะประชุมทุกวันอังคาร และเลื่อนมาเป็นวันพฤหัสบดี เนื่องจากติดภารกิจที่ต่างประเทศ และมีวาระสำคัญที่จะต้องอนุมัติ รวมถึงในสัปดาห์หน้าจะมีการเลื่อประชุม ครม.อีก เป็นวันที่ 2 เม.ย.นี้ เนื่องจากจะต้องเดินทางเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน ที่ประเทศกัมพูชาด้วย
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการลงนาม 3 กองทุนประกันสุขภาพ และกองทุนประกันภัยพิบัติฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์อย่างไรนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การลงนาม 3 กองทุนประกันสุขภาพ ได้แก่ กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กรมบัญชีกลาง กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกองทุนประกันสังคม เพื่อเป็นการยกระดับในการดูแลประชาชนให้เข้าถึงการบริการสาธารณสุขเบื้องต้นมากที่สุด ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้
"ในกรณีป่วยฉุกเฉิน รัฐบาลมองเห็นว่า ยังมีความเหลี่ยมล้ำในเรื่องการเข้ารับบริการรักษา เพราะต้องถามสิทธิก่อนจึงจะรักษาได้ ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาโดยการรวม 3 กองทุนบูรณาการเข้าด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนที่ป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที และเข้ารักษาสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลที่ไหนก็ได้ ซึ่งต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกกองทุน คือ กองทุนประภันภันภัยนั้น จัดตั้งขึ้นมาจากการสนับสนุนของรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมครั้งรุนแรง ตรงนี้ รัฐบาลจึงเล็งเห็นความสำคัญในภาคอุตสาหกรรม โดยร่วมมือกับบริษัทประกันภัยทุกประเภท สร้างระบบการประกันภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงประกันภัยในราคาที่ถูกลง
เมื่อถามว่า การเดินทางเยือนประเทศเกาหลีใต้ เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การเดินทางเยือนประเทศเกาหลีใต้ ในการเข้าร่วมประชุมผู้นำนิวเคลีย์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งได้มีโอกาสชี้แจงให้นานาชาติและนักลงทุนต่าง เกิดความเชื่อมั่นถึงระบบป้องกัน หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ในเรื่องของพลังงานนิวเคลียร์ อีกทั้ง รัฐบาลได้ร่วมหารือทั้งภาครัฐ และเอกชนของเกาหลี ทั้งในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว และการค้า ที่หวังให้เกิดการขยายเพิ่มขึ้น และเป็นการปูทางสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ พร้อมทั้ง การหารือ แลกเปลี่ยนระบบบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากไทยและเกาหลีใต้ประสบภัยธรรมชาติคล้ายกัน
"ตรงนี้จึงเป็นข้อมูลศึกษาที่จะสามารถนำแผนบริหารจัดการน้ำของเกาหลีใต้ มาปรับใช้กับการป้องกันน้ำในประเทศไทยได้ทันเวลากับฤดูน้ำหลากปีนี้แน่นอน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว