นายกรัฐมนตรี จัดรายการ แจงเหตุผล ปรับเปลี่ยนวันการประชุม ครม. เพื่อเร่งรัดงาน พร้อมโวผลงานประกันสุขภาพ , ประกันภัย โว เยือนเกาหลี ผลตอบรับดี ได้ประโยชน์ทุกด้าน การลงทุน ท่องเที่ยว แผนจัดการน้ำ
รายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ประจำวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2555 โดยมี นายธีรัตน์ รัตนเสวี ผู้ประกาศข่าว เป็นผู้ดำเนินรายการ ซักถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่าง ๆ หลังเดินทางกลับจากการเยือนประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกได้มีการแจกแจงเหตุผลในการปรับเปลี่ยนเวลาการประชุมคณะรัฐมนตรี มาเป็นวันพฤหัสบดี ที่ผ่านมาว่า มีเหตุผลสำคัญ เพราะติดภารกิจที่ต่างประเทศ และมีงานวาระสำคัญที่จะต้องอนุมัติ จึงได้เลื่อนการประชุม รวมถึง ในสัปดาห์หน้า ก็จะมีการเลื่อนวันประชุม ครม. อีก เป็นในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน เนื่องจากติดภารกิจเดินทางเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน ที่ประเทศกัมพูชา
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึง การลงนาม 3 กองทุนประกันสุขภาพ และกองทุนประกันภัย ว่า เพื่อเป็นการยกระดับ ในการดูแลประชาชน ให้เข้าถึงการบริการสาธารณสุขเบื้องต้นมากที่สุด ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ส่วนอีกกองทุน คือ กองทุนประภันภันภัยนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และช่วยเหลือประชาชนให้เขาถึงประกันภัยในราคาที่ถูกลง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า จากการเดินทางเยือนประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้ตั้งเป้าไว้ 2 ด้านนั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในเวทีประชุมผู้นำนิวเคลียร์ ก็ได้ชี้แจงให้กับ นานาชาติ และนักลงทุนต่าง ๆ เกิดความเชื่อมั่น ในระบบป้องกัน หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ในเรื่องของพลังงานนิวเคลียร์ รวมถึง การป้องกันการก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์
ขณะที่ ด้านเศรษฐกิจ ก็ได้พบปะหารือกับภาครัฐและเอกชน ของเกาหลี ทั้งในเรื่องของการลงทุน ท่องเที่ยว ที่หวังจะให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจน ระบบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งไทยกับเกาหลีใต้ มีลักษณะใกล้เคียงกัน พร้อมกับแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถนำแผนบริหารจัดการน้ำของทั้ง ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มาปรับใช้กับการป้องกันน้ำในประเทศไทย ได้ทันเวลากับฤดูน้ำหลากปีนี้แน่นอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวจากการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสหารือกับผู้นำหลายชาติ รวมถึง นายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ด้วย ซึ่งจากการหารือ ปรากฏว่า นายบัน คี มุน ได้ชื่นชม ประเทศไทย ในเรื่องของการดูแลประชาชนในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึง ซึ่งดีกว่าประเทศชั้นนำของโลก และนายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า รัฐบาล กำลังจะมีการยกระดับในการดูแลประชาชนเพิ่มขึ้น อำนวยความสะดวกในกรณีฉุกเฉิน ที่เพิ่งลงนามไปด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ยังได้ชื่นชมไทย ในการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและสตรี ของรัฐบาลด้วยว่าเป็นโครงการที่ดี และตรงกับแนวทางการทำงานของยูเอ็น ที่อยากให้เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในสังคม