พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน โดนต่อว่าต่อขาน ทั้งชี้หน้าด่าลั่นห้องประชุมรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ด้วยข้อหา "เปลี่ยนไป" บ้าง เสียแรงที่เคยชื่นชมบ้าง
บิ๊กบังรับบทประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ที่รับเอาผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้ามาเป็นแนวทาง
"ไฮไลต์" ของแนวทางคือ จะนิรโทษกรรมทุกกลุ่มทุกฝ่าย
แม้จะยังไม่เป็นข้อสรุป แต่ไฟปรองดองก็ลุกพึ่บ เพราะกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นว่า เป็นการ "ชง" ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
ส.ส.คนหนึ่งถาม พล.อ.สนธิว่า พล.อ.สนธิที่เป็นกรรมาธิการปรองดองกับที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้ บิ๊กบังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้แก้ไขมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเท่ากับยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เกิดจากรัฐประหาร 2549 นั่นเอง
บิ๊กบังลุกขึ้นชี้แจงว่า มาเป็นกรรมาธิการด้วยตัวเอง ไม่มีใครชักนำมา ข้อนี้คงจะปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่หาว่ารับจ๊อบเสี่ยแม้ว
อีกประเด็นบิ๊กบังบอกว่า เห็นบ้านเมืองแตกแยก ผ่านมา 5 นายกฯยังขัดแย้งกันอยู่ จึงตั้งใจจะให้เกิดความปรองดองขึ้น
คำพูดนี้ บวกกับท่าทีเรื่องรัฐธรรมนูญ บอกถึงวิธีคิดที่คงจะไม่เหมือนเดิม
ความคิดความเชื่อของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะถ้าเคยคิดแบบผิดๆ มาก่อน
ที่จริง พล.อ.สนธิจะไม่เปลี่ยนความคิดก็ไม่น่าเดือดร้อนอะไรมากนัก
นอนตีพุงเป็น ส.ส. เป็นผู้นำพรรคมาตุภูมิไปเรื่อยๆ เก็บความลับ 19 กันยาฯไว้กับตัว อีกสมัยสองสมัย ค่อยรีไทร์ เฟดหายไปกับกาลเวลาอย่างเนียนๆ ก็ทำได้
นานๆ ที อาจจะมี ส.ส. สุนัย จุลพงศธร มาลากไปประกอบการอภิปรายด่าการปฏิวัติรัฐประหาร พอให้เลือดสูบฉีด
กระบวนการความคิดที่เปลี่ยนไปของ พล.อ.สนธิ เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ พอๆ กับวิธีคิดที่เปลี่ยนจากไม่บวกไม่ลบกลายเป็นพวกสุดโต่งของบางกลุ่ม
พล.อ.สนธิมุ่งหวังอะไร จากจุดยืนใหม่ เป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบกันยาวๆ
แต่ผลเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้สังคมเห็นความจำเป็นของการปรองดอง
และช่วยทำให้ "ความจริง" หลายๆ อย่างชัดขึ้น
อย่างน้อยๆ ก็คือการตีค่าผลของการรัฐประหาร 19 ก.ย.
แน่นอนว่า คนที่เคยอิ่มเอมกับการรัฐประหารมาด้วยกัน คนที่ยึดติดอำนาจจากรัฐประหาร จนถลำลึก เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยิ่งกว่าหัวหน้าคณะปฏิวัติ ย่อมไม่พอใจ และแสดงออกในเชิงขัดขวางเป็นธรรมดา
ที่แน่ๆ บทสรุปจาก พล.อ.สนธิ ได้แก่ รัฐประหาร 2549 ไม่แก้ปัญหา ถึงเวลาจะต้องหาหนทางใหม่ๆ
จากจุดนี้เส้นทางของบิ๊กบังไม่น่าห่วงเท่าไหร่
ที่น่าห่วง คือคนที่เคยนิยมบิ๊กบัง