วันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่า
ในวันที่ 16 มี.ค. จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยอมรับว่าเป็นห่วงและไม่สบายใจในการติดตามปัญหาราคาสินค้า เพราะราคาสินค้าปลายที่หลายคนบอกว่ามีราคาสูงขึ้น แต่ขณะที่ภาคการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบกลับมีราคาต่ำ รัฐบาลจึงต้องดูในรายละเอียดทั้งหมด พร้อมได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลเบื้องต้นแล้ว
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า
ที่ประชุมมีมติเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 16 มี.ค. ส่วนแก๊สโซฮอล์และดีเซลยังไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมเตรียมแผนรองรับกรณีราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแตะระดับ 33 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน
"ถ้าราคาขายปลีกดีเซลไม่แตะ 33 บาทต่อลิตร ผู้ประกอบการก็จะใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการไม่ได้ คาดว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังน่าจะยืดการเก็บเงินภาษีสรรพสามิตดีเซล 5.30 บาทต่อลิตรคืนออกไปถึงเดือนเม.ย. และโอกาสที่จะเก็บภาษีคืนในระดับเดิมคงยาก เพราะจะทำให้ราคาขายปลีกดีเซลขึ้นไปอยู่ที่ 37 บาทต่อลิตรทันที" นายอารักษ์กล่าว
ทั้งนี้ หากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแตะที่ระดับ 33 บาทต่อลิตรจริง
การปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนในส่วนของดีเซลที่เก็บอยู่ 60 สตางค์ต่อลิตรก็เป็นอีกตัวเล่นหนึ่งที่จะนำมาใช้ ซึ่งหากลดเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนทั้ง 60 สตางค์ต่อลิตร จะทำให้เงินกองทุนหายไปวันละ 33 ล้านบาท จากล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2555 ติดลบสุทธิ 21,137 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ขอขยายเพดานกรอบวงเงินกู้เดิมเพิ่มขึ้นอีก จาก 20,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุน ในวันที่ 23 มี.ค.นี้
สำหรับการเก็บเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนเพิ่มตามนโยบายปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งที่ 3 นี้
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊มปรับขึ้นทันที 1.07 บาทต่อลิตร ส่วนต่างราคาน้ำมันระหว่างเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นเป็น 2.35 บาทต่อลิตรจากปัจจุบันห่างกัน 1.28 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานจะประชุมหารือเพื่อระดมสมองหามาตรการช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนทั้งราคาขายปลีกน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือน และค่าไฟฟ้า ซึ่งจะทำออกมาเป็นเพ็กเกจเดียวกันต่อไป
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เปิดเผยถึงผลสรุปภาวะเศรษฐกิจรายภูมิภาคประจำไตรมาส 1 ปี 2555 ว่า ปัจจัยหลักที่เป็นห่วงคือปัญหาราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ ซึ่งกระทบกำลังซื้อประชาชน ดังนั้น จึงสนับสนุนนโยบายดูแลค่าครองชีพประชาชนของรัฐบาล โดยชะลอการเก็บภาษีน้ำมันดีเซลต่อไป และงดการเก็บเงินเข้ากองทุนสำหรับแก๊สโซฮอล์