กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน จัดทำคำขอแปรญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 /1 โดยเพิ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็น 150 คนโดยมาจากการเลือกตั้งโดยตรง 125 คน จาก 48 จังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดจังหวัดละ 2 คน ส่วนอีก 29 จังหวัดๆ ละ 1 คน และจากการสรรหาโดยรัฐสภา 25 คน ว่า สมาชิกรัฐสภาทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอคำขอแปรญัตติต่อ กมธ.ได้ ส่วนเรื่องเนื้อหาสาระว่า ส.ส.ร.จะมีจำนวนกี่คน เป็นไปตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์หรือข้อเสนอของภาคประชาชน ที่เสนอผ่านมายัง กมธ.ว่าให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากของที่ประชุม กมธ.ว่าจะเห็นคล้อยตามคำแปรญัตติของใคร ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาสามารถขอเสนอคำแปรญัตติต่อประธาน กมธ.ได้โดยตรงภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ที่ประชุมรัฐสภารับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 แต่เท่าที่ทราบในขณะนี้ยังไม่มีสมาชิกรัฐสภารายใด เสนอคำแปรญัตติเข้ามายัง กมธ.
ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ต้องการที่จะรักษาผลประโยชน์ขอพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่มีความจริงใจในข้อเสนอดังกล่าว เพราะจะทำให้สัดส่วนที่มาของ ส.ส.ร.ที่ตนจะเสนอให้มาจากการคำนวณจำนวนประชากรในจังหวัดนั้นๆ ลดลง เช่น กรุงเทพฯ ถ้าเสนอในรูปแบบของตนจะได้ ส.ส.รถึง 10 คน นครราชสีมา 4 คน แต่เหลือเพียง 2 คนเท่านั้น ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการวางระบบเพื่อเปิดทางให้คนที่สนับสนุนตัวเองได้เข้ามาเป็น ส.ส.ร.มากขึ้น แต่วันนี้ประชาชนไม่ได้เป็นม้าลำปาง เลยคิดว่าประชาชนจะเลือกคนที่เป็นคนของพรรคเพื่อไทย หรือคนจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ประชาชนจะเลือก ส.ส.ร.ที่มีความเป็นประชาธิปไตยและจิตวิญญาณ