เมื่อคณะ จ.เจตน์ไปถึง และได้แจ้งกับ "ฝ่ายรักษาความปลอดภัย" ฝ่ายรักษาความปลอดภัยได้ตอบว่า "รับทราบการมาเยี่ยมคุณกนก ขอเชิญนั่งรอนะครับ"
เป็นบรรยากาศที่น่ารักมากๆ แต่เกิดความผิดพลาดขึ้นเพราะผู้ประสานงานฝ่ายช่อง 9 ไม่ได้ประสานงานกับ "คุณกนก" ไว้ก่อน คุณกนก จึงไม่ได้เดินเข้ามา
เวลานั้น คุณกนก เดินเข้าจากประตูด้านล่าง ผ่านเข้าลิฟท์ โดยไม่ทราบจริงๆ ว่ามีคณะคุณ จ.เจตน์ มาขอเข้าพบ ซึ่งคณะ จ.เจตน์ อยู่ฝั่งห้องโถงนั่งรอ
ที่ห้องโถงตอนทุ่มครึ่ง ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลย และคุณกนกไม่ทราบ พอคุณกนกเดินมาจะขึ้นลิฟท์ คุณ จ.เจตน์ มองเห็นคุณกนก และคุณกนกก็มองด้วยความงง
คุณกนก "ตกใจ" ที่อยู่ดีๆ เห็นเสื้อแดงกลุ่มใหญ่อยู่ในห้องโถง มองคุณกนกเป็นตาเดียว วินาทีนั้น คุณเจตน์รู้ว่า คงมีความผิดพลาดเรื่องประสานงานแน่
คุณเจตน์ จึงรีบเดินเข้าไปหาคุณกนก พร้อมสวัสดีและอธิบายอย่างย่อ ว่าตนมารอพบ และประสานผ่านช่อง 9 แล้ว โดยหวังว่าคุณกนก จะไม่เผลอเข้าใจผิดก่อน
เป็นดังคาดคุณกนกบอกว่าไม่ทราบมาก่อน ทีมงานไม่ได้แจ้ง คุณเจตน์กังวลว่า เดี่ยวคุณกนกจะตกใจที่เห็นเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ จึงวิ่งไปอธิบายตามภาพในคลิป
เมื่ออธิบายกันดีแล้ว คุณกนกก็บอกว่าขอตัวไปแต่งตัวสักครู่ จะลงมาคุย ซึ่งภาพคลิปช่วงนี้ ดูคล้ายเหมือนวิ่งตามกัน แต่ก็วิ่งจริงๆ จึงเข้าใจผิด
เมื่อแต่งตัวเสร็จ ช่อง 9 น่ารักมาก เชิญทีมงานทั้งหมดไปห้องประชุมใหญ่ คุณกนกเข้ามาในห้องพร้อมยิ้มทักทายจับมือกัน โดยไม่ได้มีสีหน้ารุนแรงเลย
บทสนทนาทั้งหมด ได้เปิดอกคุยทุกเรื่อง ทุกประเด็น บางประเด็นอ่อนไหวมาก ได้พูดย้อนท้าวความไปถึงสมัยรัฐประหาร ไล่มาถึงเลือกตั้งจนหลังเลือกตั้ง
ก่อนหน้าบทสนทนา คุณเจตน์กังวลเกรงคนจะไปขยายความลือกันผิดๆ จึงถามคุณกนกว่า อยากเชิญกล้องสื่อฯ เชิญฝ่ายรักษาความปลอดภัย และฝ่ายรายการร่วมด้วย
เพราะคุณเจตน์ อยากให้คุณกนกมีพยานร่วมฟังการพูดคุยจากฝั่งช่อง 9 ด้วย เพื่อจะไม่ให้มีการบิดเบือน ท้ายสุด จึงมีฝ่ายโปรดิวเซอร์รายการมานั่งร่วม
สองฝ่ายใช้เวลาสนทนากันประมาณเกือบชั่วโมง ได้แลกเปลี่ยนกันทุกประเด็น โดยมารยาท ขออนุญาตไม่เปิดเผยเนื้อความการสนทนา แต่เป็นการสนทนาที่ “เปิดใจ อบอุ่น” สองฝ่ายจับมือจับไม้คุยกันตลอดเวลา
เนื้อความ มีทั้ง เปรี้ยว เผ็ด หวาน มันส์ เอออวยกันครบทุกรส แต่คุยด้วย "ใจ" จริงๆ ซึ่งสังเกตได้ชัดข้อหนึ่งคือ "อ่อนลงทั้งสองฝ่ายจริงๆ"
ประเด็นชัดเจนข้อหนึ่งที่คุณเจตน์ ห่วงใยคือ กลัว โมเดล การชกหน้า อ.วรเจตน์ จะลุกลามใหญ่โต และด้วยท่วงท่าลีลาคุณกนก อาจทำขัดใจนักชกมือที่ 3
ลีลาคุณเจตน์ ในคลิปที่เผย นั่นคือ สไตล์การพูดของเค้าจริงๆ เอ๊ะอะมะเทิ่ง แต่แฝงด้วยความห่วงใย อยากพูดคุย จึงปิดห้องคุยทุกเรื่องทั้งลึกและตื้น
ลีลาคุณกนก ที่เราเห็นในจอ กลับไม่เห็นนอกจอเลย คุณกนก น่ารัก สุภาพ และอธิบายบางเหตุผล และเน้นให้เราสังเกตุดูความเปลี่ยนแปลงที่คุณกนกมีมาตลอด
ทีมโปรดิวเซอร์ ได้ร่วมพูดคุยกับ คุณเจตน์ และร่วมกันรับฟัง ความรู้สึกของทุกคน หนักบ้างเบาบ้าง แต่ทุกคนได้ "สานความเข้าใจกัน" ในคืนนั้นจริงๆ
การพูดจา ไม่ว่าเวทีใหน ระดับใหน ย่อมไม่ราบลื้น แต่หากคุยเปิดใจสองฝ่าย จะหนักจะเบา จะลึกตื้น แต่จบลงด้วยความเข้าใจและห่วงใยกันและกัน
ขอย้ำว่า "บทสนทนาของสองฝ่าย ไม่จำเป็นต้องเปิดสู่สาธารณะ เพราะเป็นทั้งมารยาท และความอ่อนไหวของคำสนทนาที่อาจกระทบบุคคลที่ 3 จึงควรระมัดระวัง"
แต่เป้าหมาย และผลลัพย์ที่ทั้งสองได้รับ ได้ผลดีเกินคาด ผมคงไม่สามารถคาดเดาใจคุณกนกได้ แต่สำหรับฝ่ายเสื้อแดงหลายคน เข้าใจคุณกนกมากขึ้นกว่าเดิม
สองฝ่ายต่างจบคำสนทนา ด้วยการจับมือจับไม้ คุณกนกกล่าวขอบคุณในความห่วงใย รับหนังสือ ด้วยรอยยิ้มสุภาพอบอุ่น พร้อมเชื้อเชิญด้วยว่า หากวันหลังมีเรื่องอยากคุย เชิญได้ที่ช่อง 9 หรือที่ออฟฟิศเนชั่น ด้วยจิตเอื้อเฟื้ออยากรับฟังความเห็น
ฝ่ายคุณเจตน์หลายคนพูดหลังจากพบคุณกนก ว่าคุณกนกน่ารัก และเข้าใจคุณกนกมากกว่าเดิม อย่างน้อย 100% ที่ได้พูดคุย แม้จะไม่ได้เข้าใจและเห็นด้วยทั้งหมด แต่ก็มีอย่างน้อย 40% ที่เข้าใจและ "คลิ๊ก" คุณกนก เขาบอกว่าจะนำรายละเอียดการได้พูดคุยกับคุณกนกอย่างเปิดอก ไปเล่าต่อให้เพื่อนๆ ได้รับฟังอย่างเข้าใจ
หลังจากเสร็จสิ้น คุณกนก ก็ขอตัวกลับไปจัดรายการช่วงสามทุ่มเศษ ทีมงานได้ออกมาส่งคุณเจตน์ที่ด้านหน้าตึกพร้อมสวัสดีขอบคุณอย่างน่ารักและอบอุ่น
นี่คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการได้เริ่มคุย เริ่มหันหน้าเข้าหากัน ปิดห้องคุยทุกเรื่องดีกว่าไม่พอใจกันอย่างไม่รู้เหตุผลใดๆ จนดังนั้น จึงขอสรุปนะครับว่า จากเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ใช่การ "บุกไปข่มขู่" อย่างที่ใส่ความ แต่ปิดห้องคุยอย่างเปิดใจ น่ารัก อบอุ่น
จากนี้ไป เราอาจได้คุยกันบ่อยขึ้น ช่วยกันนำเสนอ ท้วงติง และคุยขยายวงกันให้มากๆขึ้น เช่น ผมอาจคุยกับคุณเอม หรืออาจคุยกับแทนคุณวันใหนก็ได้
การเริ่มต้นคุยในวันนี้จะช่วยลดความรุนแรง ลดอคติ หันหน้าเข้าใจกันและเดินหน้าประเทศชาติอย่างสันติต่อไป
ส่วนทางด้านเฟซบุ๊ค Kanok Ratwongsakul Fan Page หลังจากมีข่าวนี้เผยแพร่ออกไปได้มีคนได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจนายกนก ในขณะที่นายกนก ได้โพสต์ข้อความว่า "ขอบคุณทุกคนทุกกำลังใจนะครับ ผมค่อยๆอ่านทุกความเห็นทางข้อความด้วย ไม่รู้จะตอบยังไงดี ขอโทษที่ยังไม่ได้กด Like เพราะช่วงนี้ผมเร่งปิดต้นฉบับพ็อกเก๊ตบุ๊ค 2 เล่ม ต้องให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ จะได้ทันงานหนังสือปลายเดือน จึงดูห่างๆไปจาก fb. พอดีเกิดเรื่อง "แขกผู้มาเยือน" หลายท่านจึงคิดว่า ผมคงมีปัญหาหนัก! ความจริงคืนนั้นภาพรวมคุยกันรู้เรื่องนะครับ ผมยัง "เอาอยู่" แต่ก็ไม่อยาก "เอาบ่อย" กลัวจะ "เอาไม่ไหว" สักวัน!"