7 มี.ค.55 เว็บไซต์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสื่อแดนโสม
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างเข้าร่วมการประชุมเรื่องภาวะผู้นำเอเชีย โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนในเกาหลีใต้ เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองไทยเวลานี้ โดยกล่าวว่า ความขัดแย้งของคู่แข่งทางการเมืองในประเทศไทย จะสามารถหาทางปรองดองได้ในปีนี้ และจะสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกันอย่างรุนแรงเหมือนเช่นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ โดยกล่าวอีกว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวแท้ๆ ของตนเอง บริหารประเทศ 7 เดือนกว่า น้องสาวตนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ และตนเองยังมีความหวังต้องการกลับประเทศไทยในปีนี้
"น.ส. ยิ่งลักษณ์ ทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชน และน้องสาวมีความเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก และสามารถทำงานร่วมกับกองทัพโดยไม่มีความขัดแย้ง ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในไทย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มีเสียงประชาชนราว 66 ล้านคน สนับสนุนให้แก้ไข เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และกล่าวย้ำอีกว่า ประวัติศาสตร์ของการเมืองไทยที่มีการต่อสู้บนท้องถนน จะไม่ซ้ำรอยเดิม และมีความปรองดองมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีกระแสต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับผิดและจำคุก เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์ในไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า ตนไม่ได้มีความผิดอะไร ส่วนประเด็นเศรษฐกิจไทย พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ ส่งผลให้ชะลอตัวเล็กน้อย แต่ตอนนี้คิดว่า น้องสาวมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาดีมาก ดีกว่าที่ตนคาดไว้ ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไทยเพิ่มขึ้น และตัวเลขบ่งชี้ล่าสุดของการฟื้นตัวหลังน้ำท่วมครั้งใหญ่
พ.ต.ท. ทักษิณ ได้วิจารณ์ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย อีกว่า กำหนดนโยบายที่มีความกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ
และควรเก็บอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นการเติบโต และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงเกินความจำเป็น ควรจะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และกล่าวว่า บางครั้งเจ้าหน้าที่รัฐไม่ต้องการที่จะเสี่ยงใดๆ แต่ตนเองยังเคารพในการบริหารของธนาคารกลาง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า หากกลับไทย ตนเองไม่มีความต้องการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่อยากจะเป็นเพียงเป็นที่ปรึกษาให้น้องสาวดีกว่า