ร่วมประชุมกับคณะกรรมการนโยบายแท็บเล็ต ว่า ที่ประชุมมีมติเลือกบริษัทสโคป จากประเทศจีน ในการผลิต แท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยคุณสมบัติของเครื่องเป็นไปตามที่ประเทศไทยกำหนด และมีการรับประกันตัวเครื่องให้เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งบริษัทสโคป มีศักยภาพในการผลิตที่ดี โดยราคาอยู่ที่ 81 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าถูกกว่าราคาที่ได้ประเมินไว้ และคาดว่าจะผลิตแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT กล่าวว่า จะดำเนินการจัดซื้อในลอตแรกรวมทั้งสิ้น 900,000 เครื่อง และจะนำผลสรุปนี้ เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันพรุ่งนี้ หากมีมติเห็นชอบ ก็จะดำเนินการร่างสัญญา และให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจความถูกต้องของสัญญา เพื่อดำเนินการต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวด้วยว่า การดำเนินการสั่งซื้อแท็บแล็ตในครั้งนี้ จะแจกให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เพียงอย่างเดียว ในส่วนของชั้นปีอื่นนั้น ต้องรอการดำเนินการจัดซื้อในครั้งนี้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะพิจารณาต่อไป ส่วนบริษัท สโคป ประเทศจีน มีกำลังการผลิตเครื่องแท็บแล็ต ได้จำนวน 24,000 เครื่อง ต่อวัน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT กล่าวอีกว่า ในขณะนี้ ได้ดำเนินการตรวจสอบการวางเครือข่ายสัญญาณ "ไวเลส" เรียบร้อยแล้ว ว่าจะดำเนินการติดตั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ ในพื้นที่บริเวณโรงเรียนใดบ้าง และมีโรงเรียนใดที่พร้อมใช้แล้ว และจะดำเนินการได้อีกกี่โรงเรียน ซึ่งเป็นโครงการในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะต้องรอให้การจัดซื้อผ่านพ้นไปก่อน
ด้าน นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึง กรณีที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ โครงการดำเนินการจัดซื้อ "แท็บเล็ต" จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้นักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ว่า โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการที่ดี แต่ตนเองไม่เห็นด้วยที่ ครม. อนุมัติให้จัดซื้อแท็บเล็ต จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะสินค้าที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคุณภาพ และไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางรัฐบาลสามารถที่จะรับประกันได้หรือไม่ ว่า แท็บเล็ตที่ดำเนินการจัดซื้อ มีคุณภาพ และจะไม่ก่อให้เกิดเหตุอันตรายต่อเด็กนักเรียน
ทั้งนี้ นอกจากตัวเครื่องแท็บเล็ตแล้ว รัฐบาลได้เตรียมแบตเตอรี่และจุดเสียบปลั๊กไฟไว้รองรับด้วยหรือไม่ เพราะถ้า 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 50 คน มีแท็บเล็ต 50 เครื่อง ก็จะต้องมีจุดเสียบปลั๊กไว้สำหรับชาร์จไฟฟ้าจำนวน 50 จุดด้วย