ยุทธศักดิ์เผยกลุ่มป่วนใต้มีไม่มาก-จำนวนไม่เพิ่ม

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ว่า

ขณะนี้พบว่า วิธีการของผู้ก่อการร้ายใช้เรื่องลูกระเบิด ใช้ความรุนแรงต่อประชาชนเพื่อให้เห็นว่าสถานการณ์ยังรุนแรงและเหมือนเดิมอยู่ เป็นการสร้างภาพให้เกิดความรุนแรงมากกว่า แต่ก็ไม่เป็นอะไร ต่อไปจะบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้ง 3 หน่วยงาน โดยตนในฐานะประธานคณะกรรมการกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในและใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้นจะมีการประชุมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาร่วม บูรณาการงานเข้าด้วยกันเพื่อลดความซ้ำซ้อน ของการฏิบัติงาน และสามารถเดินยุทธศาสตร์ไปในแนวทางเดียวกันได้

" เรารู้แล้วว่าอะไรเกิดขึ้น และรู้ว่าหลายคนก็ไม่ต้องการสร้างความรุนแรง แต่จากการที่เขาเป็นหัวหน้าหน่วย ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีความพยายามที่จะมาร่วมมือกับรัฐแต่ไม่มีวิธีการเข้ามา แต่ขณะนี้ ศอ.บต. ต้องช่วยกันพัฒนาคนเหล่านี้ให้กลับมาร่วมมือกับภาครัฐให้ได้ โดยต้องบูรณาการประสานงานให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้ อะไรที่เป็นงานของ กอ.รมน.ก็ต้องดึงเอางาน กอ.รมน.มาทำ ขณะเดียวกันงานของศอ.บต.หน่วยงานทั้ง 19 หน่วยงาน 16 กระทรวงนั้น ก็ดึงเข้ามาร่วมมือกันทำงานบูรณาการให้ได้" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่ากลุ่มก่อการร้ายมีพื้นที่ไหนอย่างไรบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เรารู้ว่ามีไม่มากเท่าไหร่ และจำนวนไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่การดำเนินการยังคงรักษาสถานภาพไว้ด้วยความรุนแรง และด้วยการใช้สิ่งที่ทำให้เกิดเสียง เพราะอะไรที่เป็นสิ่งประสบความสำเร็จนั้นเราไม่ได้ประกาศ เพราะถ้าประกาศจะเป็นแง่ลบในเรื่องความสูญเสียของผู้ก่อการร้าย แต่อะไรที่เขาสูญเสียก็ประเทศได้ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ความจริงว่าภาพภาคใต้มันเป็นอย่างไร ส่วนตัวตนคิดว่าดีขึ้น และเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่หายไปเราหากลับมาได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้ว จากการประชุมกับท่านนายกรัฐมนตรี มีแนวทางว่าหากพื้นที่ใดมีความรุนแรงลดลง เราจะยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548ลดมาทีละขั้นๆ ด้วย ซึ่งการดำเนินการมีรูปแบบการทำงานอยู่แล้ว และเร็วๆนี้ตนจะร่างรูปแบบแนวทางการปฏิบัติอีกที โดยใช้ระยะเวลา 6 เดือนน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และภายใน 1 ปีต้องเห็นผลที่ดีขึ้น 50 % ด้วย