วันที่ 5 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน
ยื่นฟ้องศาลปกครองขอคำสั่งคุ้มครองเชื่อคราวให้ระงับการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรมใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน ว่า ได้มอบหมายให้ทีมงานของกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนาคม ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ซึ่งในขณะนี้เราคงต้องยึดตามแผนเดิม แต่ตราบใดถ้ามีผลคำพิพากษาออกมาอย่างไร ก็คงต้องกลับมาดูรายละเอียดเนื้อหาว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามคงต้องขอความเห็นใจด้วย เพราะเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นที่ต้องเร่งก่อสร้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าแนวที่เราทำเพื่อป้องกันนิคมอุตสาหกรรมนั้น เราไม่ได้ห่วงใยประชาชน โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปอธิบายและหามาตรการดูแลช่วยเหลือประชาชนบริเวณนั้นด้วยว่าถ้าภาคธุรกิจ โดยเฉพาะต่างชาติ ไม่มีความมั่นใจ แล้วถอนการลงทุนไป ก็จะไม่เกิดการจ้างงาน และจ้างคนบริเวณนั้น เราห่วงในประเด็นนี้ จึงจำเป็นต้องเลือกวิธีนี้ เพื่อเป็นการมาตรการป้องกันในพื้นที่สำคัญระหว่างที่จะมีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะเราไม่อยากให้ทุกคนเกิดความรู้สึกผวา ในระหว่างที่รอมาตรการยั่งยืนอยู่
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปเรียกความเชื่อมั่นกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในระหว่างการเดินทางไปเยือนวันที่ 6-9 มี.ค. นี้ ว่า
จะนำแผนบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งมาตรการระยะเร่งด่วน และยั่งยืน รวมทั้งแผนการป้องกันแนวนิคมอุตสาหกรรม พื้นที่โซนเศรษฐกิจ และมาตรการดูแลเยียวยาช่วยเหลือ รวมทั้งมาตรการทางการเงินที่เราจะให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการไปอธิบายให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งทางบีโอไอได้จัดสัมมนากับภาคธุรกิจที่ประสงค์มาลงทุนในประเทศไทยหรือถือหุ้นอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ดังนั้นก็คงจะนำแผนดังกล่าวไปชี้แจงให้ได้รับทราบ และสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ ๆ ที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจริง ๆ เราก็เปิดโอกาสให้พบปะเป็นรายบริษัทด้วย
เมื่อถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า
เราต้องทำอย่างดีที่สุด รัฐบาลยืนยันในการสร้างความมั่นใจ แต่ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการช่วยกันสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศให้มากที่สุดด้วย เพราะถ้าเรายังมีความเห็นไม่ตรงกัน คนที่มาลงทุนก็จะลังเลได้ จึงถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน และเราก็ยินดีเปิดโอกาสให้ได้ซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ ขณะเดียวกันเราก็จะรับฟังข้อกังวลใจของภาคเอกชนญี่ปุ่นด้วย.