สุเทพ ชี้ปท.กำลังเข้าสู่วิกฤตอีกรอบแก้รธน.เพื่อ แม้ว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง

กล่าวปาฐกถาพิเศษ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรื่อง "การแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศไทยในระหว่างดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง" ตอนหนี่ง ว่า ตนพูดด้วยความหนักใจ ถ้าวันนี้เรายังไม่ตระหนักว่าประเทศกำลังมีวิกฤต กำลังจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในประเทศ ถือว่าเราประมาทโดยสิ้นเชิง วิกฤตประเทศไทยเริ่มนับแต่วันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งพรรคการเมืองและเข้าสู่อำนาจทางการเมือง เพราะไม่ได้เดินมาในแนวทางประชาธิปไตยปกติ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาจากการรับสัมปทานผูกขาดจากรัฐในยุคเผด็จการ มาเป็นทุนตั้งพรรคการเมือง ซื้อนักการเมือง จนได้มีอำนาจรัฐ ได้เป็นนายกฯ

นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อเป็นนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณกลับสนุกสนานมัวเมาอำนาจ เข้าแทรกแซงองค์กรอิสระ
 
ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ป.ป.ช. กระทั่ง ส.ว. เพื่อให้ตัวเองได้มีอำนาจเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด ใช้อำนาจไม่เกรงใจใคร แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเอง พวกพ้อง บริวาร ครอบงำระบบราชการทั้งหมด และในที่สุดได้มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นกว้างขวาง ทำให้คนออกมาต่อต้าน นำไปสู่การปฏิวัติโดย คมช. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ พิพากษาจำคุก ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะได้มาโดยมิชอบ หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้ระดมสมุนบริวารออกมาต่อสู้ อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตลอด โดยเฉพาะในปี 2552-2553 ตอนแรกพูดชัดว่าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อมาค่อยๆ ปรับเปลี่ยนกระบวนการ บอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตย 

"ในวันที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น คือวันที่นายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกจากสภาให้เป็นนายกฯ อาละวาดทันที ล้อมสภา มันบอกว่าไม่ชอบ ไม่ถูกต้อง ทีตอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นายกฯ บอกถูกต้อง ทั้งที่สภาเดียวกันเลือก เอาเหตุผลนี้ตั้งต้นในการล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทำทุกอย่าง ปิดถนน ไม่ให้มีความสุข ไม่ให้ทำงานได้ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เผารถเมล์ เผายาง ล้มประชุมอาเซียน ฮึกเหิมยึด กทม. และเราได้ใข้ความอดทนอย่างยิ่งในการคลี่คลายสถานการณ์ ยอมรับว่ามีข้าราชการจำนวนมาก ไม่ร่วมมือกับเรา เพราะคิดว่าเสื้อแดงจะชนะ เราทำงานยากลำบากมาก แต่เราไม่มีทางเลือก ผมกับนายอภิสิทธิ์เกือบตายที่กระทรวงมหาดไทย มันทุบรถเบนซ์กันกระสุนซะเละเลย วันนั้น ถ้ากระจกรถแตกหรือเปิดประตูได้ ทั้งผมและนายอภิสิทธิ์คงถูกฆ่าตายกลางการชุมนุมแน่ มันวางไว้ให้ยั่วยุเจ้าหน้าที่ออกมา ให้เป็นสงครามกลางเมือง" นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า พอปี 2552 ทำไม่สำเร็จ ปี 2553 มันไปซ่องสุมกำลังมาอีกรอบ ตั้งโรงเรียน นปช.หมู่บ้านเสื้อแดง

ออกไปปลุกระดมล้างสมองประชาชน ให้ข้อมูลผิดๆ บิดเบือนสารพัด ไปบอกว่ารัฐบาลฆ่าประชาชน ไปปลุกว่าประเทศไทยเป็นสังคมชนชั้น พวกอำมาตย์กดขี่ชนชั้น พวกอำมาตย์เป็นศัตรูของพวกไพร่ ขอให้พวกไพร่สามัคคีกันโค่นล้มอำมาตย์ เอารูป พ.ต.ท.ทักษิณติดฝาบ้าน หน่วยข่าวกรองทั้งหลายรายงานเหมือนกันหมด แล้วทำในสิ่งไม่บังควร แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553  มีการเอากองกำลังเสื้อดำมาโจมตีที่ราชดำเนิน ทั้งอาวุธสงคราม เอ็ม 79 ตายทันทีคืนนั้น 25 คน หวังจุดเป็นสงครามกลางเมือง

"เจ้าหน้าที่จะไปโรงพยาบาลมันยังทุบตี สงครามระหว่างประเทศยังไม่ทำกันขนาดนี้ ไอ้พวก นปช. ไอ้พวกเสื้อแดง ไอ้พวกสมุนทักษิณมันทำถึงขนาดนี้ การเสียชีวิตครั้งแรกดังกล่าว จึงเป็นฝีมือของกองกำลังชุดดำ จะมาปฏิเสธไม่ได้ เพราะสื่อถ่ายวิดีโอไว้หมด มาวันนี้ให้ดีเอสไอ ตำรวจ ป.ป.ช.สอบให้ผมเป็นคนฆ่าให้ได้ ยืนยันว่า เราไม่เคยส่งกำลังเข้าไปสลายประชาชนเลย เมื่อย้ายมารวมกันที่ราชประสงค์ เราวิธีตั้งด้านรอบ เพื่อให้คนออก ไม่ให้เข้า ลดขนาดผู้ชุมนุม แต่กองกำลังบุกโจมตีด้านทุกคืน ถูกเจ้าหน้าที่ยิงสวนตายทุกคืนเหมือนกัน แล้ววันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เราต้องขอพื้นที่สวนลุมพินีคืน เพราะกองกำลังได้เข้ายึดสวนลุมพินีซ่อมสุมอาวุธเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะการยิงเอ็ม 79 ออกมาจากสวน และเมื่อเรายึดสวนลุมพินีได้สำเร็จ มันยอมแพ้เลย เรายังไปไม่ถึงแยกราชประสงค์ด้วยซ้ำ ยังห่างราวครึ่งกิโลเมตร มันยอมเพราะฐานกำลังสนับสนุนหลักอยู่ในสวนลุมฯ การบอกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ฆ่าคนตายจึงโกหกทั้งนั้น" นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า ทุกอย่างมันเป็นแผนไว้แล้ว พวกนี้มันเล่นการเมืองแบบต้องยึดอำนาจรัฐให้ได้ โดยใช้ 3 ฝ่าย

ได้แก่ 1.พรรคการเมือง ทำทุกอย่างตั้งแต่ก่อกวนในสภา 2.มวลชนจัดตั้ง ปลุกระดมคนทั้งประเทศให้เกลียดชังกัน ให้รู้สึกว่าถูกกดขี่ข่มเหง ต้องล้มล้างอีกชนชั้น และ 3.กองกำลังติดอาวุธ ผู้ก่อการร้าย สวมชุดดำเป็นไอ้โม่งถือเอ็ม 16 อาก้า ระเบิด อาร์พีจี ทำงานคู่ขนานกันไป นี่ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองตามวิถีประชาธิปไตยโลก วิกฤตการประเทศไทยมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ก็มาจากคำสั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ นพ.เหวง โตจิราการ ร้อนตัวยอมรับกลางสภาว่า พูดว่าแก้เสร็จแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับบ้านอย่างสง่างาม