ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าชุดประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว เรียกประชุมหน่วยงานด้านการข่าวความมั่นคง ว่า เป็นการดีที่จะมีโอกาสหารือกันระหว่างหน่วยงานด้านการข่าวของตำรวจ ทหาร และหน่วยงานข่าวของประเทศหรือของชาติมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บูรณาการให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รักษาสถานะภาพของชาติ และความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆที่เขามีปัญหาต่อกัน เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้นถ้าต่างคนต่างหาข่าว ต่างคนต่างพูด ก็จะยิ่งยาก เพราะชาติต่างๆที่เริ่มมีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้นในประเทศเขาก็เริ่มรักษาสถานะภาพไว้แล้ว เช่น อินเดีย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับอิหร่านและอิสราเอล และเราก็ต้องพยายามทำภาพอย่างนั้นให้เกิดขึ้น เมื่อเราบูรณาการงานด้านการข่าวแล้วเราก็ต้องวางมาตรการการให้ข่าว เกี่ยวกับงานที่เป็นเรื่องของการก่อการร้าย แทนที่จะให้มันกว้างขึ้น แต่ต้องจำกัดกรอบ
และตนในฐานะกำกับดูแลงานข่าวของชาติและกองทัพตนก็จะเป็นคนให้การช่วยเหลือสนับสนุน และตนมีความมั่นใจว่าหากมีการบูรณาการงานการข่าวอย่างนี้แล้วจะสามารถสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและต่างประเทศ รวมทั้งความน่าเกรงขาม โดยเฉพาะสร้างความมั่นใจให้หน่วยงานของเราเอง ต้องเตรียมความพร้อม และต้องวางมาตรการ เพื่อไม่ให้ประเทศต่างๆมาใช้ประเทศไทยเราก็ต้องวางมาตรการ อย่างไรก็ตามหน่วยงานด้านการต่อต้านการก่อการร้ายของไทยมีมานานแล้ว เราก็ต้องนำมาปัดฝุ่น และซักซ้อม สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ดี โดยตนถามไปยังผบ.สส.ว่ายังโอเคใช่หรือไม่ ยังเหมือนเดิมใช่หรือไม่ ยังเหมือนที่เคยทำมาใช่หรือไม่ ผบ.สส.ก็ได้ยืนยันว่าทุกอย่างยังดีอยู่ รวมทั้งถามไปที่ตำรวจ คือหน่วยอรินทราช นเรศวร เขาก็พร้อมแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุใหญ่ๆ แต่จะไม่มีการปฏิบัติใดๆที่จะทำให้เกิดความตื่นตระหนก หรือคิดว่าเกิดอะไรขึ้นที่เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นหน่วยงานข่าวต้องใช้คนที่มีรากเหง้า ปลูกฝัง ทำงานกันมานาน มีสายสนกลในที่วางไว้ ไม่ใช่ใช้คนที่ไม่มีพื้นฐาน เพราะมันจะลำบากมาก เราต้องการข่าวที่เร็วที่สุด เพราะถ้ายิ่งข่าวช้าเท่าไหร่ก็ยิ่งเปรี้ยวเท่านั้น
ตำรวจยังต้องสืบไปเรื่อยๆอีกว่ามีทั้งหมดกี่คนกันแน่ และตนจะเรียนร.ต.อ.เฉลิมว่าส.ตม.ต้องเข้มงวดเรื่องพาสปร์อตอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาต้องเห็นใจกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เขาต้องการรายได้เข้าประเทศ ถือเป็นรายได้อันดับหนึ่งเข้าประเทศจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ต่อไปนี้ต้องดูเรื่องความมั่นคงด้วยในสถานการณ์โลกเป็นอย่างนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากมากที่ตรวจสอบการไปอยู่ประเทศหนึ่งในขณะที่ถือพาสปร์อตอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยได้หารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียแล้วในเรื่องบุคคลสองสัญชาติ แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังและเรื่องการเมืองอยู่ด้วยจึงพูดยาก