เฉลิม ยัน ช่วยทักษิณ คนละเรื่องแก้รธน.

เฉลิม ยัน ช่วยทักษิณ คนละเรื่องแก้รธน.


"ร.ต.อ.เฉลิม" ระบุ การช่วยเหลือ อดีตนายกฯทักษิณ เป็นคนละเรื่องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันสติ๊กเกอร์ SEJEAL ไม่เชื่อมโยงเหตุระเบิด 3 จุด ซงสุขุมวิท 71
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ได้กล่าวที่ จ.อุดรธานี ว่าจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาบ้านนั้น เป็นคนละเรื่องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้ได้พูดมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2552 และไม่ควรเชื่อมโยงการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพระราชบัญญัติปรองดอง เข้าด้วยกัน ส่วนตนเองจะเสนอพระราชบัญญัติปรองดองเมื่อไหร่นั้น ต้องรอให้สถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้นก่อน และไม่ขอแสดงความคิดเห็นกรณีที่ นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ออกมาระบุว่า ไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เนื่องจากต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง

ส่วนเหตุระเบิดในประเทศไทย 3 จุด นั้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความว่า SEJEAL อยู่ในขณะนี้ สติ๊กเกอร์ดังกล่าวไม่เกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายแต่อย่างใด เนื่องจากไปศึกษามาแล้ว ความหมายของคำดังกล่าวคือ นกที่จะปราบความชั่วร้าย ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หยุดพูดเรื่องนี้ไปแล้ว และยืนยันว่าประเทศไทย จะไม่ให้ประเทศคู่ขัดแย้งเข้ามาสืบสวนคดีร่วมกับประเทศไทยอย่างเด็ดขาด และจะไม่ตกอยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้ง เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นความขัดแย้งทางศาสนาที่มีระยะเวลามานานแล้ว

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่ คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ขึ้นบัญชีดำประเทศไทย ที่ไม่ออกกฎหมายการฟอกเงิน เพื่อป้องกันการก่อการร้ายว่า องค์กรนี้ไม่ใช่องค์กรระหว่างประเทศ เป็นเพียงที่ปรึกษาของกลุ่ม จี 7 ที่อยากให้ทุกประเทศมีกฎหมายจัดการกับธุรกิจสีเทาและสีดำ โดยการยึดทรัพย์  ซึ่งทางการไทยกำลังพิจารณาอยู่ เพราะว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. มีมาตรการการควบคุมการฟอกเงินอยู่แล้ว แต่การจะปรับกฎหมายให้ ป.ป.ง. มีอำนาจเหนือศาลนั้น คงไม่ได้ พร้อมทั้งย้ำว่า FATF ไม่ใช่เทวดาที่จะต้องทำตามทุกอย่าง โดยต้องยึดตามหลักนิติธรรม นิติรัฐ ตามกฎหมายไทย

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ไม่สนใจที่ FATF ขึ้นบัญชีดำไทย พร้อมทั้งย้ำว่า ไม่มีรัฐบาลไหนที่จะปกป้องธุรกิจสีเทาและสีดำได้อย่างแน่นอน รวมถึงจะเปิดโอกาสให้นักธุรกิจ ที่ไม่สบายใจเข้าพูดคุย แต่เกรงว่า หากมีการพูดคุยกัน ก็จะถูกมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์