นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ได้ชี้แจงต่อครม.ว่าในการประชุมสภาฯ วันที่ 23-24 ก.พ.55 จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่าง คือร่างของครม. ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคชาติไทยพัฒนา โดยใช้เวลา 2 วัน แบ่งเวลาให้รัฐบาลและฝ่ายค้าน และส.ว.ฝ่ายละ 8 ชม.
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องอาศัยเสียง 325 เสียง ผ่านความเห็นชอบ โดยรัฐบาลมีอยู่ 300เสียง จึงต้องการจากส.ว.อีก 25 เสียง
"ที่ประชุมมอบให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในสภาฯ และให้ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นผู้ช่วย"
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวฯ ได้ถามว่า การโหวตลงมติเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะใช้ลักษณะแบบใด ซึ่งนายวรวัจน์ ได้ชี้แจงว่า ให้ใช้วิธีการขานชื่อ โดยลุกขึ้นยืนแสดงตน ทั้ง 3 ร่างรวมเป็นครั้งเดียว
"ร.ต.อ.เฉลิม ได้ชี้แจงในส่วนของร่างรัฐบาล ที่จะแถลงต่อสภา โดยระบุว่า จะต้องมีแทกติก โดยให้อภิปรายร่างของครม.ให้สั้นที่สุด ใช้หลักการและเหตุผลในภาพใหญ่กว้าง ๆ เพียงไม่เกิน 10 นาที และไม่ต้องลงในรายละเอียด ยกเว้นว่าจะมีผู้ซักถามในเรื่องนี้"
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ เอะอะโวยไปอย่างนั้นเอง
โดยครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นจะแก้ไขอะไร เพราะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ ของตัวเอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่า จะชนะ แต่ในที่สุดก็แพ้ พอมาใช้เขตเลือกตั้งแบบรวมเบอร์ก็แพ้อีก จนในที่สุดก็กลับไปแก้ไขเป็นเขตละคนอีกครั้ง
"พรรคประชาธิปัตย์ พยายามคิดสูตรประหลาด เป็น 375 บวก 125 ซึ่งทุกคนก็รู้ว่า มันไม่ยึดโยงกับประชาชน เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะว่า ไม่เคยมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับไหน ที่ยึดโยงกับประชาชนเท่ากับฉบับนี้ สสร.ก็ล็อกไม่ได้ เพราะเลือกใครมาก็ยังไม่รู้" นายอนุสรณ์ อ้างคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ระบุในที่ประชุม ครม.