ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยันตั้งที่ปรึกษา ไร้ประเด็นการเมือง

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยันตั้งที่ปรึกษา ไร้ประเด็นการเมือง

คณะที่ปรึกษาเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเป็นเพียงการให้ข้อเสนอแนะเท่านั้น ขณะที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยืนยันการตั้งคณะที่ปรึกษา 10 คนนี้ขึ้นมา ไม่ได้มีประเด็นทางการเมือง โดยทำตามกรอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้

นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงเหตุผลในการตั้งคณะที่ปรึกษาเพื่อเสนอแนวทางทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 244 ที่กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์จัดทำข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อพิจารณาเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในกรณีที่เห็นว่าจำเป็น ซึ่งที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินเคยทำหน้าที่รวบรวม แต่การวิเคราะห์เพื่อนำเสนอ จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจรัฐธรรมนูญทั้งปี 2540 และ 2550 มาวิเคราะห์เสนอสังคม จึงต้องตั้งคณะที่ปรึกษาเพื่อในอนาคตผู้ที่จะร่างรัฐธรรมนูญสามารถที่จะมาถามคณะที่ปรึกษานี้ได้ โดยการประชุมคณะที่ปรึกษาครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 29 ก.พ.นี้ และคาดหวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจว่าไม่ได้ทำเพื่อมุ่งประเด็นทางการเมือง โดยจะมีความเป็นกลาง เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อประชาชนและรัฐสภาเพื่อนำไปประกอบการพิจารณา

ด้านผู้ช่วยศาตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 คน ของคณะที่ปรึกษา ยอมรับว่าเมื่อเห็นรายชื่อนักวิชาการคณะที่ปรึกษาที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตั้งขึ้นมา บางฝ่ายอาจจะรู้สึกว่าคณะที่ปรึกษานี้ตั้งขึ้นมาเพื่อถ่วงดุลกับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรรมนูญหรือ ส.ส.ร. ที่กำลังจะมีขึ้นจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล แต่โดยความจริงแล้วคณะที่ปรึกษานี้ไม่น่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีอำนาจโดยตรง

ส่วนการอภิปรายวาระการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 23 ก.พ.นี้ นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล จะหารือกับ ส.ส.รัฐบาล เพื่อจัดสรรเวลา กำหนดตัวบุคคล และเตรียมเนื้อหาการอภิปราย โดยมั่นใจว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาโดยไม่มีปัญหาเสียงแตกจากพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา นั้น หากประธานรัฐสภาพิจารณาบรรจุวาระทัน สามารถนำมาพิจารณษรวมกับร่างของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เพื่อลงมติเห็นชอบการแก้ไขรวมกันเป็นฉบับเดียวกันได้ เนื่องจากเนือหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ทั้ง 3 ฉบับมีความใกล้เคียงกัน