"ยิ่งลักษณ์"กำชับงบฟื้นฟูเยียวยา-บริหารจัดการป้องกันน้ำท่วม 1.2 แสนล้าน มีโครงการที่ยังขาดรายละเอียดกว่า 4 หมื่นล้าน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงบรรยากาศในที่ประชุมครม.ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุมครม.ช่วงหนึ่งว่า ทัวร์สร้างความสุข ความหวังที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ.นั้น ถือเป็นการติดตามงบประมาณในการฟื้นฟูเยียวยา การบริหารจัดการน้ำ และการก่อสร้างโครงการเพื่อป้องกันน้ำท่วม ซึ่งอยู่ในงบกลางของงบประมาณรายจ่ายปี 2555 จำนวน 1.2 แสนล้านบาท แต่ก็ยังขาดรายละเอียดในบางโครงการอยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเศษ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้มอบเป็นมติครม.ว่า ครม.เห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในระหว่างลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 13-17 ก.พ.นั้น สามารถยกเลิกโครงการที่เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีความชัดเจนได้ โดยให้กระทรวงนั้นๆ ทำเรื่องเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อถอนโครงการออกไป และหากกระทรวงใดต้องการนำงบประมาณของโครงการที่ถูกถอนออกไปนั้นไปเพิ่มให้กับโครงการของตัวเองเพราะไม่เพียงพอต่อการนำใช้จริง ก็สามารถนำเสนอเข้ามาได้ทันที แต่จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลงงบประมาณระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีเจ้าของเรื่อง
“ในการทัวร์ครั้งนี้จะมีการเปิดเป็นคลินิคงบประมาณขึ้นระหว่างการลงพื้นที่ด้วย โดยให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงสามารถนำเสนอรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงงบประมาณให้เห็นชอบได้ ซึ่งจะเป็นเหมือนห้องประชุมย่อยเพื่อให้รัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มาหารือกันถึงรายละเอียดของโครงการ นอกจากนี้ นายกฯ ยังระบุด้วยว่า โครงการที่จะทำต่อไปนี้นั้นจะต้องเป็นโครงการที่ยืนได้ระยะยาวด้วย เช่น งบก่อสร้างและซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ถ้าเดิมงบประมาณให้ไว้ 500 ล้านบาทแต่เห็นว่าไม่เพียงพอก็สามารถนำเสนอขอเพิ่มงบได้ ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำด้วยว่า งบประมาณที่จะมีการดำเนินการนั้นจะต้องเป็นงบประมาณเพื่อความยั่งยืน เช่น ประตูระบายน้ำที่หักหรือพังหรือแม้แต่จะต้องขยายนั้น เท่าไหร่เท่ากัน อาทิ ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่ถือเป็นด่านสำคัญ เพราะน้ำท่วมปีที่ผ่านมานั้นเมื่อประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแตกก็ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก ซึ่งขณะนี้มีประตูระบายน้ำอีกหลายแห่งที่จำเป็นต้องปรับปรุง ดังนั้นหากใช้งบประมาณเพื่อการซ่อมแซม เช่น 20 ล้านบาทแต่แก้ปัญหาได้เฉพาะหน้านั้นถือว่าไม่คุ้ม แต่ถ้าใช้งบมากกว่า 20 ล้านบาทแล้วแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน แบบนั้นเท่าไหร่เท่ากัน”นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ยังกล่าวต่อที่ประชุมครม.ด้วยว่า
ตนเห็นด้วยกับกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าสามารถเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามความจำเป็น แต่ต้องเป็นการใช้งบประมาณเพื่อการแก้ไขอย่างยั่งยืน เช่น กรณีที่กทม.ใช้งบประมาณถึง 319 ล้านบาทเพื่อลอกคูคลองประมาณ 16-18 คลองนั้น ถือว่าเนงบประมาณที่สูงมาก และไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นอยากให้มีการเสนอโครงการที่ลงทุนไปแล้วสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสริมว่า การใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้นหากมีความจำเป็นแม้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่สามารถยืนได้ระยะยาวกว่า เท่าไหร่ก็ต้องทำ