วันนี้( 12 ก.พ.) ที่โรงเรียนวัดราชสิงขร ถนนเจริญกรุง 74 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าบรรยากาศงานเลี้ยง"รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย" เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีภาพความชื่นมื่นระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คู่กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของความปรองดอง ว่า ประธานองคมนตรีไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร และเชื่อว่าพยายามทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ความปรองดองจะสำเร็จหรือไม่นั้นอยู่ที่รัฐบาล ขอให้รัฐบาลเลิกสร้างประเด็นขัดแย้งใหม่ บ้านเมืองก็จะเข้าสู่ความปรองดองได้ เมื่อถามว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ระบุว่าจัดงานนี้เพื่อสร้างความปรองดอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องระมัดระวัง เพราะความเป็นจริง ปัญหาความขัดแย้งจะแก้ได้หรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะตนมั่นใจว่าคนในสังคมที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาล ต้องการเห็นความสงบในบ้านเมืองอยู่แล้ว และอย่าคิดว่าการจัดงานจะเป็นตัวแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ ถ้ายังเดินหน้าในสิ่งที่สร้างความขัดแย้งใหม่ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการจัดงานดังกล่าวเสมือนดาบสองคม เพราะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งเขามีความรู้สึกว่าการจัดงานไม่เหมาะสม
ต่อข้อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่ามีอุปสรรค 3 อย่างที่จะทำให้ประเทศไม่เดินหน้า แล้วพรรคประชาธิปัตย์มองว่าอุปสรรคอะไรที่ทำให้ประเทศไม่เดินหน้า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การสร้างปมความขัดแย้งใหม่ในปมพระมหากษัตริย์ และตอนนี้ทำให้สังคมขัดแย้งเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะไม่รื้อโครงสร้างหลายอย่าง ซึ่งจะเป็นปัญหาสำหรับอนาคต ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จะเป็นปมความขัดแย้ง ส่วนเรื่องอื่นนั้นตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมีกระบวนการรองรับอยู่แล้ว และเรื่องการเยียวยาต่างๆก็มีคณะกรรมการอิสระหลายชุดที่ดูแลอยู่
เมื่อถามว่ารัฐบาลผลักมวลชนออกมาบนท้องถนนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากเตือนไว้ เพราะหลายเรื่องเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลกัน ซึ่งจะเป็นปัญหาย้อนไปเหมือนปี 2548
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่น เป็นการส่วนตัว เพื่อซุ่มทำนโยบายใหม่ ว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงออกมา ซึ่งไม่ได้มีใครว่าอะไร เพียงแต่บอกว่าเมื่อไม่เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร และมีการเปลี่ยนกำหนดการโดยบอกว่าเป็นเรื่องลับ แล้วมีเหตุเกิดขึ้น นายกฯก็มีหน้าที่ชี้แจงไป ถ้าไปจริงก็ต้องชี้แจง แต่การชี้แจงที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยตรงกัน อีกทั้ง ฝ่ายค้านก็มีความเป็นห่วงว่าจะมีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่