วานนี้ (22 ม.ค.)ที่พรรคเพื่อไทย นางนลินี ทวีสิน รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยกลุ่มเตรียมทหารรุ่น 10
เพื่อร่วมรุ่นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวกรณีที่นางนลินี มีชื่อติดอยู่ในบัญชีดำของสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา โดยนางนลินี ได้แจกจ่ายประวัติการทำงานให้สื่อมวลชน ก่อนอ่านแถลงการณ์ความยาว 8 หน้า เนื้อหาเป็นการชี้แจง ใน 4 ประเด็น คือ 1. การปฏิเสธว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับประธานาธิบดีแห่งซิมบับเวและภริยา แต่เป็นความสัมพันธ์ทางด้านสังคมเท่านั้น
ปี 2546 รัฐบาลสหรัฐได้แซงชั่นหรือคว่ำบาตรประเทศซิมบับเว
โดยให้เหตุผลว่าไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและปี 2548 ประธานาธิบดีจอรจ์ บุชได้ออกประกาศเพิ่มเติมให้ทำการคว่ำบาตรต่อสมาชิกในครอบครัวของบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรรวมทั้งกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือกับผู้ถูกคว่ำบาตรด้วย ต่อมาวันที่ 15 ก.พ.2552 หลังจากที่ทราบถึงประกาศของสำนักงานการควบคุมทรัพย์สินของชาวต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมาย the Law Offices of J. Michael Farrell ซึ่งอยู่ที่เมืองจอร์จทาวนด์เพลส กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกายืนเรื่องสอบถามถึงหลักฐานที่ถูกนำมาใช้อ้างและอุทธรณ์การดำเนินการนั้น เพื่อให้สามารถเข้าไปชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวตามหลักการของกระบวนการยุติธรรมสากล แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากทางการของสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด จึงเป็นการกล่าวตนเองแต่ฝ่ายเดียว
2. การบิดเบือนและการทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยบุคคลบางกลุ่มด้วยคำว่าถูกขึ้นบัญชีดำนั้น ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงคนจำนวนมากเข้าใจว่าตนถูกห้ามเข้าสหรัฐโดยสาเหตุเนื่องจากน่าจะเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายที่ร้ายแรง อาทิ ค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การละเมิดกฎหมายอาญา เหมือนดังหลายกรณีที่ทางการสหรัฐอเมริกาเคยห้ามบุคคลต่างๆ เข้าประเทศ ข้อเท็จจริงคือ ตนไม่ได้อยู่ในบัญชีดำถูกห้ามเข้าประเทศสหรัฐ ยังคงเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ การเผยแพร่คำว่าแบล็คลิสต์จึงอาจเป็นเสมือนหนึ่งเป็นความจงใจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
3. การดำเนินงานของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ถือเป็นสิทธิที่ทำได้และสหรัฐ ใช้อำนาจดังกล่าวอย่างมากมาย ในหลาย ๆ เรื่องๆ หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมโดยสหรัฐใช้อำนาจแซงชั่นแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่เปิดทางให้ผู้ที่ถูกแซงชั่นชี้แจงแต่อย่างใด ๆ ซึ่งในกรณีตนซึ่งได้ให้สำนักงานกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาและอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานสืบสวนของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟบีไอยื่นหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงและหลักฐานมากว่า 3 ปีแต่ปราศจากคำตอบ
นอกจากนี้ในข้อ 4. นางนลินี ยังกล่าวว่า “ดิฉันหวังจะใช้ความรู้ความสามารถและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำประเทศระดับสูงที่มีอยู่เข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ แต่ถูกทำให้เข้าใจผิดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ดิฉันก็ยังมีกำลังใจความเข้มแข็งที่จะทำงานหนัก และขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อมวลชนผู้มีหลักการและหัวใจที่เที่ยงตรงผ่านต่อไปยังประชาชนคนไทยทั้งประเทศในครั้งนี้ ดิฉันเชื่อเหลือเกินว่า การทำงานหนัก การตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม จะเป็นสิ่งพิสูจน์ตัวเองได้เป็นอย่างดี และขอให้ดิฉันเป็นเหยื่อทางการเมืองคนสุดท้ายที่จะโดนเล่นงานด้วยข้อกล่าวหาและการทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงเช่นนี้”
เมื่อถามว่าเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีหรือไม่ นางนลินี กล่าวว่า ไม่ได้ทำธุรกิจดังกล่าว ส่วนที่นายกฯเลือกให้ตนเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นเพราะความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของตน
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ติดใจกรณีที่นางนลินีจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป โดยนางนลินีจะเข้าทำงานที่ทำเนียบในวันที่ 23 ม.ค.นี้