ยังไม่ทันได้ลงมือทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน รัฐมนตรีใหม่ในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 2" ก็ถูกขุด-คุ้ย-แคะ "แผลเก่า" ขึ้นมาเขย่าความน่าเชื่อถือ
ที่ตกเป็นข่าวครึกโครม หนีไม่พ้นกรณี "นลินี ทวีสิน" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกแฉ "คุณสมบัติต้องห้าม" ผ่านโลกไซเบอร์ตลอดทั้งวันที่ 18 มกราคม
ด้วยเพราะเมื่อปี 2551 สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติของกระทรวงการคลังของสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า "นลินี" เป็นหนึ่งใน 4 นักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนอย่างลับๆ แก่ระบอบการปกครองที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดชาติหนึ่งในภูมิภาคแอฟริกา โดยสนับสนุนการทำธุรกรรมการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจค้าอัญมณีในนาม "เกรซ" ภรรยาของ "โรเบิร์ต มูกาเบ" อดีตประธานาธิบดีของประเทศซิมบับเว
นอกจากนี้สหรัฐยังห้ามชาวอเมริกันทำธุรกรรมทางการเงินและการค้ากับผู้ที่มีชื่อในบัญชีดำ (แบล๊กลิสต์) นี้ด้วย
ร้อนถึง "คนในข่าว" ต้องออกมาชี้แจงว่า "เราได้รับการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย แต่กลับไปหยิบมาเป็นเรื่องการเมือง ละเลงกัน ให้ร้ายเพื่อหวังมุ่งทำลายกัน"
ขณะที่ "คนแต่งตั้ง" บอกว่า "ในคุณสมบัติที่เราได้ตรวจสอบเบื้องต้นก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ติดขัดด้านคุณสมบัติ"
ถือเป็นการสร้างมาตรฐานชัดเจนว่า "รัฐบาลโคลนนิ่ง" ยึดตัวบทกฎหมาย-รัฐธรรมนูญไทยเป็นแนวทางปฏิบัติสูงสุด โดยไม่ยี่หระว่าข้อกล่าวหาเรื่องการคอร์รัปชั่นจาก "ตำรวจโลก" จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลอย่างไร
อย่างไรก็ตาม "ยิ่งลักษณ์" ได้แต่งตั้งบุคคลที่ถูกกล่าวหา และอยู่ระหว่างรอการพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมของไทยอีก 2 คนร่วมวง ครม. ในล็อตเดียวกัน
คนหนึ่งคือ "ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย" รมช.คลัง ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ส.ส. พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ถูกฝ่ายค้านยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบว่ากระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และ 266 กรณีใช้ตำแหน่งเข้าไปแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น ทั้งในทางตรงหรือทางอ้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ จากการเข้าไป "จัดการ" การแจกจ่ายถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)
ล่าสุด เรื่องอยู่ในชั้นพิจารณาของ ป.ป.ช.
อีกคนหนึ่งคือ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีคดีความติดตัวนับร้อยคดี แต่ "คดีอุกฉกรรจ์" มีอยู่ 3 คดี ประกอบด้วย
1.คดีบุกบ้าน "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2551 ซึ่ง "ณัฐวุฒิ" และแกนนำ นปช. อีก 3 คนตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรค 2, 215, 216 ประกอบมาตรา 33, 83
สำหรับสถานะของคดีล่าสุดอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลอาญา เป็นคดีดำหมายเลขที่ อ.2103/2553 หลังอัยการสูงสุดส่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553
2.คดีก่อการร้าย จากการชุมนุมทางการเมืองระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-20 พฤษภาคม 2553 ซึ่ง "ณัฐวุฒิ" กับพวกอีก 18 คน ตกเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการฉุกเฉิน พ.ศ.2548
สำหรับสถานะของคดีล่าสุดอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลอาญา เป็นคดีดำหมายเลขที่ อ.2542/2553 โดยศาลอาญาจะเริ่มสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 1 มิถุนายน 2555
3.คดีผังล้มเจ้า ซึ่งจัดทำโดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดย "ณัฐวุฒิ" และแกนนำ นปช. อีก 18 คนตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ โดยการล่วงละเมิดต่อสถาบัน ขณะนี้อยู่ในชั้นพิจารณาของกรมสอบคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมคดีหมิ่นประมาทอื่นๆ ที่ "ดาวไฮด์ปาร์ก" โดนฟ้องอีกนับร้อยคดี
เหล่านี้คือ "ชนักติดหลัง" ของ "3 รัฐมนตรีใหม่" ที่เข้ามาร่วมรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 2" !!!