เทพไทข้องใจปูดันคนติดแบล็คลิสต์นั่งรมต.

 19 ม.ค.55 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์

กล่าวกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี ที่มีการให้นางนลินี ทวีสิน มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แม้จะติดแบล็คลิสต์ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นการทูลเกล้าฯบุคคลที่มีมลทินทางการเมืองและยิ่งปรากฎชัดจากข่าวว่าพรรคเพื่อไทยรับทราบเรื่องแบล็คลิสต์มาก่อนแล้ว

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่เป็นการบังควรอย่างยิ่งเพราะจะทำให้เป็นการระคายเบื้องยุคลบาทหรือไม่

ทั้งนี้ตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่สิ้นไร้ไม้ตอกที่จะหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีแผลทางการเมืองมาดำรงตำแหน่ง จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงดึงดันที่จะทูลเกล้ารายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นไป และการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกของนางนลินี ที่มีแบล็คลิสต์ติดอยู่จะทำงานในหน้าที่ให้เป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆได้อย่างไร ในเมื่อประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกายังขึ้นแบล็คลิสต์อยู่ อีกทั้งการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาสาไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะน่าจะเอาเวลาไปทำงานเพื่อประเทศชาติดีกว่า

                 
“ข้อสังเกตว่าการดึงดันที่จะแต่งตั้งนางนลินีดำรงตำแหน่งทั้งที่มีแบล็คลิสต์อยู่นั้นคือการฟอกตัวให้หลุดพ้นจากมลทินหรือไม่ เรื่องนี้ไม่คุ้มกับความเสียหายของหน้าตาของประเทศเพราะในขณะนี้สื่อต่างประเทศก็ตีพิมพ์กันแพร่หลายว่ารัฐมนตรีของประเทศไทยเป็นบุคคลต้องห้ามของอเมริกา และทำให้ประเทศชาติเสียเกียติยศและชื่อเสียงเกินความจำเป็น” นายเทพไทกล่าว

                 
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนในบรรดารายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกปรับออกนั้น

ตนรู้สึกเห็นใจนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ที่มีความเจ็บปวดจากการกระทำในครั้งนี้ เพราะต้องเปลืองตัว เกลือกกลั้วกับการเมืองในระบอบทักษิณโดยยอมลาออกจากตำแหน่งเลขาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มารับตำแหน่ง รมว.คลัง และถูกตัดขาจากลูกน้องเก่า คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง  ซึ่งเคยเป็นลูกน้องในฐานะผู้จัดการ ก.ล.ต.ซึ่งเมื่อมาทำงานร่วมกัน เกิดการชิงดี ชิงเด่นกันภายในรัฐบาล จนในที่สุดนายใหญ่และนายกฯก็เลือกใช้บริการนายกิตติรัตน์ และถีบนายธีระชัยทิ้งไปโดยไม่ใยดี ทั้งนี้เห็นได้ว่าการปรับครม.ของรัฐบาลชุดนี้ เหมือนการใช้กระดาษชำระกับนักการเมืองของตัวเอง เมื่อใช้บริการเสร็จ ไร้ประโยชน์ก็โยนทิ้ง เหมือนกับกรณีของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ที่ยอมเจ็บตัวแต่นายใหญ่ก็ไม่เห็นความดี