ชีวิตจริงไม่ได้อิงนิยายของ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" นักการเมืองหนุ่มวัย 36 ปี ในนาทีนี้
ที่เขากำลังจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นการรับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรก กระทรวงแรก แต่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขากำลังจะกลับไปใช้ชีวิตในรั้วกระทรวงแห่งนี้
แม้ว่าจะมีคำถามถึงความเหมาะสมของคุณสมบัติ แกนนำ นปช. ที่กำลังจะนั่งเก้าอี้ รมต. กระทรวงที่ดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องกับสื่อ หรือเกี่ยวของอะไรกับประวัติชีวิตทางการเมืองของเขา
อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปดูเส้นทางการเมืองของ "ณัฐวุฒิ" เกร็ดชีวิตส่วนหนึ่งของเขาก็มีจังหวะที่เคยเข้าไปไปรวมกลุ่มอยู่กับนักการเมืองกลุ่มแรกที่เขายังคงคบหาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเริ่มรับสัญญาณความสัมพันธ์ฉันมิตร ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
"ณัฐวุฒิ" เล่าไว้ในหนังสือ "สุภาพบุรุษไพร่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ถึงชีวิตช่วงหนึ่งที่เขาเคยเข้านอกออกในกระทรวงเกษตรฯ
ภายหลังสอบตกอกหักจากการเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิตเมื่อปี 2544 โดยขณะนั้น เขาเป็นผู้สมัครส.ส.แบบเขตที่ จ.นครศรีธรรมราช พื้นที่บ้านเกิด สังกัดพรรคชาติพัฒนา ซึ่งเขาได้ปราศรัยท่ามกลางสายฝนกับ "กร ทัพรังสี" หัวหน้าพรรคขณะนั้นโดยมี "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" เป็นเลขาธิการพรรค
การปราศรัยหาเสียงท่ามกลางสายฝนกระหน่ำเมื่อเขาลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก เหมือน "ภาพตัดสลับ" กับการปราศรัยหาเสียงโค้งสุดท้ายบนเวทีหาเสียงของว่าที่นายกฯหญิง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 กรกฎา 2554 แตกต่างกันตรงที่การเปียกปอนคราวหลัง ทำให้เขาได้รับตำแหน่ง ส.ส. ที่ต้องฝ่าฟันเส้นทางหินบนดินลูกรังมาถึง 10 ปี กว่าจะได้นั่งเก้าอี้ผู้แทนราษฎร และในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้เอง ที่เขาก็กำลังจะได้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรี ใน "ครม.ปู2" หลังจากที่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขามีตำแหน่งเป็นเพียงคณะทำงานของ "ภูมิธรรม เวชยชัย" ในสมัยเป็นรมช.คมนาคม กระทรวงซึ่งมีที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกระทรวงเกษตรฯ จนทำให้ "ณัฐวุฒิ" เดินข้ามถนนราชดำเนิน เข้าออกทั้ง 2 กระทรวงในช่วงเวลาดังกล่าว
"จบการเลือกตั้งครั้งแรก (ปี2544) ก็คิดว่าต้องทำการเมืองเป็นหลักเพราะรู้สึกว่าอย่างอื่นมันไม่ใช่เรา ก็เลยผ่อนงานโทรทัศน์ผ่อนงานเป็นนักพูดลง แล้วมาพรรคไทยรักไทยก็มาคุยกับพี่อ้วน (ภูมิธรรม เวชยชัย) ไม่เคยคุยกับคุณสุวัจน์เป็นชิ้นเป็นอันเลย ตอนนั้นพี่อ้วนเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ก็ให้ผมไปเป็นคณะทำงานของเขา ส่วนพี่อดิศร เพียงเกษ ก็เป็น รมช.คมนาคม เหมือนกัน แล้วจตุพร ก็เป็นที่ปรึกษาพี่อดิศรอยู่ ผมเข้าไปทั้ง 2 ห้อง ต่อมาพี่อดิศร ปรับไปเป็นรมช.กระทรวงเกษตร ผมก็เดินข้ามถนนราชดำเนิน ไปมาเข้า-ออกสองกระทรวง กินข้าวกัน สนิทกัน อยู่ในวงนั้นพูดคุยไม่อึดอัดเพราะผมรับสัญญาณคนพวกนี้ได้ ถ้าอยู่วงอื่นอาจจะอึดอัดกับการเข้ามาอยู่ในการเมือง" ณัฐวุฒิเล่าเรื่องราวนี้เอาไว้ในหนังสือ "สุภาพบุรุษไพร่"