วานนี้ (17 ม.ค.) นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า
ภาพลักษณ์ของ ครม. ที่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือหน้าตาของประเทศ แต่เพื่อเป็นการกระชับอำนาจให้คนที่ใกล้ชิดได้เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งที่สำคัญ และเพื่อต่างตอบแทนผลประโยชน์ โดยเฉพาะกรณีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ที่มีชื่อดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีคดีก่อการร้ายติดตัว ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าในทางกฎหมายศาลยังไม่พิพากษาจนถึงที่สุดก็ตาม
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า โฉมหน้าของ ครม.ชุดใหม่ ขัดกับความรู้สึกของประชาชน
โดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดงที่ได้รับตำแหน่งที่สังคมได้ตั้งคำถามว่า ในอนาคตอาจกลายเป็นประเพณี ที่แกนนำมวลชนเคลื่อนไหวบนถนนกลับได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชนอีก 64 ล้านคน การให้ประโยชน์ต่างตอบแทน และระบบอุปถัมภ์แบบนี้ จะกลายเป็นปัญหากับสังคมไทยอย่างมากในอนาคต ทั้งที่ความเป็นจริงนายกฯ ที่ถือว่าเป็นผู้อ่อนในงานบริหาร ควรแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้และความสามารถเข้ามาบริหารและแก้ไขปัญหา และในอนาคตเชื่อว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอย่างแน่นอนหลังจากที่ประกาศโครงการที่ใช้เงินมหาศาล
นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคมให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมนั้น
เชื่อว่ารัฐบาลต้องการให้ พล.อ.อ.สุกำพล เข้าไปมีบทบาทต่อการโยกย้ายนายทหารระดับสูง เพราะบุคลิกของ พล.อ.อ.สุกำพล เป็นบุคคลแข็งกร้าวกว่าพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จึงกังวลว่าหากเป็นเช่น อาจจะกลายเป็นชนวนสร้างความไม่พอใจในเหล่าทัพและอาจนำไปสู่การปฏิวัติได้อีกรอบ