เรื่องเล่าจากพี่ชายถึงน้องปู ครม.พลัดทำเนียบ สู่ปฐมบทครม.สัญจร

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-15 มกราคม 2555 แม้จะเป็นการสัญจรนัดแรกของ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่ไม่ใช่กิจกรรมใหม่ที่ถูกเปิดซิงโดย "นายกฯคนที่ 28"

ด้วยเพราะรัฐบาลในเครือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกชุดได้สืบสานธรรมเนียม-เดินตามวัตรปฏิบัติต่อเนื่อง

หากย้อนมองไปดูการจัดประชุม "ครม.สัญจร" ครั้งหลังสุด พบว่า เกิดขึ้นในสมัย รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯคนที่ 26 โดยจัดขึ้นที่ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ก่อนที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรค

อันเป็นจุดจบของ พปช. และ "รัฐบาลสมชาย" รวมทั้งเป็นต้นกำเนิดของพรรคเพื่อไทย (พท.) ในเวลาต่อมา

ดังนั้นจึงมองได้ว่า "เชียงใหม่" ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ "2 นายกฯ" เป็นจังหวัดที่ "รัฐบาล" ในเครือ "พ.ต.ท.ทักษิณ" จัด "ครม.สัญจร" นัดสั่งลา "รัฐบาลน้องเขย" และนัดเริ่มต้น "รัฐบาลน้องสาว"

เมื่อ "แขกวีไอพี" พร้อมเพรียงที่บ้านพักของ สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภายในสนามกอล์ฟ กรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่แปลงสภาพพื้นที่ "สนามหญ้า" ข้างบ้าน เป็น "ห้องจัดเลี้ยง" ขนาดใหญ่ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 มกราคม

"สมชาย" ในฐานะ "เจ้าบ้าน" จึงขึ้นกล่าวต้อนรับ ครม. ก่อนรำลึกความหลังเมื่อครั้งเป็น "ผู้นำสูงสุด"

"ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ต้องมาประชุม ครม.ที่ จ.เชียงใหม่ และอยู่เชียงใหม่ถึง 15-16 วัน เพราะเหตุการณ์ไม่ได้สงบเหมือนตอนนี้ คือตอนนั้น เครื่องบินที่ผมขึ้นมาจากประเทศเปรู ไม่มีที่ลงจอด ก็เลยต้องมาลงที่เชียงใหม่"

เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อเดือนกันยายน 2551 ซึ่งเป็นการออกนอกประเทศในขณะนั้นที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ออกมาชุมนุมกดดันรัฐบาล

"หลายคนเตือนผมว่าไม่ควรเดินทางไปประชุมเอเปค เพราะนายกฯไม่ควรเดินทางออกนอกประเทศในขณะที่สถานการณ์ในประเทศกำลังระอุ เขาบอกอย่าไป การไปอยู่ไกลประเทศมากๆ ในช่วงเวลาแบบนี้ มันไม่ดี แต่การประชุมเอเปคนั้น นายกฯทักษิณไปทำชื่อเสียงเอาไว้มาก ดังนั้นผมจึงตั้งใจว่าต้องเดินทางไปร่วมให้ได้"

"ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่มีอะไร ไปมีตอนที่จะเดินทางกลับ เหมือนจะไม่อยากให้ผมกลับประเทศไทย เพราะไอ้ที่ล็อกล้อมันไม่ยอมอ้า ตอนนั้นก็พยายามแก้ไขกัน นายกฯทักษิณก็โทรศัพท์มาหาบอกว่าจะให้เอาเครื่องบินส่วนตัวมารับไหม ผมบอกว่าไม่เป็นไร สุดท้ายมันก็ยอมอ้า ถึงได้เดินทางกลับกัน"

ทันทีที่เครื่องบินของ "นายกฯคนที่ 26 และคณะ" ยกจากรันเวย์ มีสายตรงจาก "พ.ต.ท. ทักษิณ" อีกครั้งเพื่อสอบถามว่า "ตกลงว่าจะกลับประเทศไทยแน่นอนหรือ ไม่อยากให้กลับเลย อยากให้อยู่ที่เปรูต่อ ถึงกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีสนามบินลง"

คำตอบที่ "สมชาย" พูดกรอกไปตามหูโทรศัพท์ชัดเจนว่าไม่เปลี่ยนใจ "ผมขอกลับไปตายที่บ้านเราดีกว่าต้องตายที่เปรูครับ"

"สมชาย" เล่าต่อว่า ตั้งแต่เครื่องบินเช่าเหมาลำที่เขาโดยสารมาทะยานออกจากสนามบินของเปรู ไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องไปลงที่สนามบินเชียงใหม่ แต่เมื่อได้รับรายงานสถานการณ์การบุกเข้ายึดและปิดล้อมสนามบินของ พธม. ทั้งที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ จึงตัดสินใจกันระหว่างที่เครื่องบินบินอยู่ว่าควรจะไปลงที่สนามบิน จ.เชียงใหม่

"พอเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ ก็มีพี่น้องคนเสื้อแดงมารับผมจำนวนหนึ่ง จากนั้นผมก็เดินทางกลับมาที่บ้าน ที่นี่ ทุกๆ ท่านนั่งกันอยู่ นี่คือทางหนีของผม"

"แต่พอกลับถึงบ้าน (สนามกอล์ฟกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม) ก็ไม่ได้นอนบ้านหรอกครับ ด้านนอกแม้จะมีพี่น้องคนเสื้อแดงตั้งกำแพงกันอยู่อีก 3-4 ชั้น แต่ก็มีรายงานว่าจะมีกองกำลังของใครก็ไม่รู้ (หัวเราะ) บุกมาจับตัวผม พอกลับมาถึง ผมก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ต้องแอบออกไปทันที" อดีตนายกฯเล่าถึงนาทีหนีตาย

ก่อนสรุปบทเรียนให้ "นายกฯถอดด้าม" ที่มีสถานะ "น้องภรรยา" ฟัง

"ท่านนายกฯ (ยิ่งลักษณ์) เป็นนายกฯในช่วงที่สถานการณ์เรียบร้อยกว่าผมมาก วันนี้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น แล้วก็มีนิมิตหมายที่ดีเกิดขึ้นเยอะ เมื่อเช้า (วันที่ 14 มกราคม) ที่เชียงใหม่ฝนตกหนักเลยครับ ผมก็เป็นห่วงกลัวว่านายกฯจะเปียกฝนหรือไม่ แต่พอท่านมาลงถึง จ.เชียงใหม่ ฝนก็หยุด แดดจ้าเลยครับ ผมถือเป็นนิมิตหมายว่าท่านนายกฯจะอยู่บริหารประเทศ แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อีกนาน และผมก็หวังว่าลางสังหรณ์ของผมจะเป็นจริง"

นี่คือเสียงครวญสลับคำวิงวอนของ "อดีตนายกฯ" ผู้ที่เคยใช้ จ.เชียงใหม่จัดประชุม"ครม.สัญจร" นัดปิดฉาก ก่อนที่การประชุม "ครม.สัญจร" นัดแรก ของ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" จะเริ่มต้นขึ้น!!!