นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในวันที่ 16 มกราคม กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้เอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่างๆ
ชี้แจงให้ประเทศเหล่านั้นเข้าใจสถานการณ์ที่ถูกต้อง เพราะผลกระทบตามมาว่าทัวร์ของประเทศต่างๆ ได้ยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งเราเป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะในช่วงนี้มีคนต่างประเทศมาเที่ยวเยอะ เราจึงต้องรีบให้เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ นำข้อเท็จจริงไปสู่ประเทศนั้นๆ เข้าใจสถานการณ์ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมาย เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2554
ซึ่งเราได้รับการรายงานจากฝ่ายการข่าวของประเทศอิสราเอล ซึ่งเรียกหน่วยโมสาร์ท ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถติดตามข่าวได้อย่างแน่นอน ได้ประสานงานกับทางทหาร ตำรวจ ฝ่ายข่าว มาตลอด ข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายเฮซบอลเลาะห์เรารู้อยู่แล้ว และเราก็ติดตามอยู่แล้ว ซึ่งการที่เราติดตามอยู่ตลอดเวลาเราไม่ได้เข้าไปจับกุมเขา เพราะว่าหากยังไม่ปรากฏความผิดเอาตัวไปก็ไม่ได้อะไร ฉะนั้น เรารอให้มันมีสัญญาณที่จะเกิดความผิดเสียก่อน
"เราตกลงกับทางฝ่ายข่าวของสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลว่า เรื่องนี้เราจะดำเนินการโดยความเงียบสงบ ไม่ต้องแพร่งพรายอะไร เนื่องจากเราไม่ต้องการให้มีข่าวนี้เกิดขึ้นกับประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาจะทำให้ประชาชนตกใจหรือมีความกังวล อีกทั้งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างมาก แต่เมื่อมีข่าวว่าจะดำเนินการในวันที่ 13-15 มกราคม ผมคิดว่าคงเป็นความตกใจของสหรัฐอเมริกา ก็เลยได้เป็นผู้เปิดเรื่องนี้มาเสียเอง ฉะนั้น การเปิดเรื่องนี้ขึ้นมาในฐานะที่ประเทศไทยดำเนินการข่าวลับอยู่แล้ว มีความไม่สบายใจ แต่ผมขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้าย แต่การที่ผู้ก่อการร้ายมาใช้พื้นที่ในกรุงเทพฯดำเนินการ เพราะประเทศไทยมีความสงบมาก จึงเป็นเป้าหมายที่อ่อนนุ่ม ที่ทำให้ผู้ก่อการร้ายและผู้ที่ติดตามผู้ก่อการร้ายมาใช้จับความเคลื่อนไหว” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จุดร้ายที่จะเกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับทุกจังหวัดในประเทศไทย เกี่ยวกับกรุงเทพฯจังหวัดเดียว อีก 76 จังหวัดไม่เกี่ยวข้อง
และในกรุงเทพฯมีบางจุดเท่านั้นที่มีคนชาวอิสราเอลกับสหรัฐอเมริกา เช่น ถนนข้าวสาร ซึ่งมีชาวอิสราเอลมากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งอันนี้คือเป้าหมาย ตนเป็นห่วงว่าคนไทยและชาวต่างประเทศที่จะมาเที่ยวในประเทศไทยจะไม่สบายใจ จึงขอให้สบายใจได้ว่า สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่เราทุกคน แล้วบุคคลต่างๆ เหล่านี้ที่เข้ามาก่อการร้ายได้หลบออกไปหมดแล้ว
"นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย เพราะมันกระทบกับการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ตนได้สั่งการให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม ติดต่อขอคุยกับผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐอเมริกาว่า คราวหน้าถ้าหากจะมีเหตุการณ์อะไรอย่างนี้อีก จะเปิดอะไรขึ้นมา ขอให้มันรัดกุมมากกว่านี้ ขอให้คุยกันเสียก่อน เห็นใจประเทศไทยบ้าง เพราะว่ามันกระทบต่างเศรษฐกิจของชาติ ไม่เพียงแต่เรื่องความมั่นคงเท่านั้น" พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กลุ่มก่อการร้ายได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปกี่คนแล้ว พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ออกไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว
ถ้าอยู่ก็สามารถจับได้เป็นคนที่ 2 แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้อิสราเอลแจ้งมาว่าจะมีเข้ามา 2 คน และอาจจะเข้ามาเพิ่มเติมอีก 2-4 คน ซึ่งเขาจับได้ว่ามันใช้อินเตอร์เน็ตติดต่อกัน อีกทั้งเขาสารภาพกับตำรวจแล้วว่า เขาตั้งใจเข้ามาทำงาน แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว เพราะทุกอย่างมันยกเลิกไปหมดแล้ว ส่วนความขัดแย้งระหว่างเฮซบอลเลาะห์กับประเทศอิสราเอลนั้น เฮซบอลเลาะห์เขาเชื่อว่า ชาตินี้ต้องแก้แค้นอิสราเอลให้ได้ เพราะเมื่อปี 2551 อิสราเอลไปฆ่าผู้นำขอเขาก่อน3
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการออกมาเปิดข้อมูลของสหรัฐอเมริกาไม่มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า
ไม่มี เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้เพิ่มกำลังมารักษาความปลอดภัยหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เพิ่มกำลังครับ เมื่อถามว่า ภายหลังการสอบสวนจะส่งตัวผู้ต้องสงสัยไปประเทศใด พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ก็ต้องส่งไปประเทศอื่น ซึ่งอิสราเอลหรือสหรัฐอเมริกาอาจจะมาขอตัว เพราะอาจมีพันธสัญญาทางกฎหมาย หรืออาจะกลับไปตะวันออกกลางตนก็ไม่แน่ใจ