นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผย ถึงผลการหารือกับนายอนิล วาธวา เอกอัครราชทูตอินเดียประจำ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2555 เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
โดยหารือเตรียมความพร้อมสำหรับการเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ในระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2555 ในฐานะแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ในโอกาสการฉลองวันประกาศอิสรภาพของอินเดีย ตลอดจนหารือแนวทางการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียในสาขาใหม่ๆ เช่น พลังงาน ปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดียที่ครอบคลุมการค้าสินค้า การค้าบริการและการลงทุน โดยฝ่ายอินเดียต้องการส่งเสริมให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่ และหวังว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-อินเดียได้ภายในกลางปี 2555 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อกว่า 1.2 พันล้านคน ประกอบกับในปี 2558 อาเซียนจะรวมกลุ่มเป็นตลาดเดียวหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ไทยสามารถเป็นจุดศูนย์กลางการค้าและการลงทุน อีกทั้งเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาคอาเซียนให้แก่อินเดีย ในขณะเดียวกันอินเดียจะเป็นประตูการค้ากระจายสินค้าไทยสู่ตลาดในเอเชียใต้ ทั้งในบังคลาเทศ ภูฏาน เนปาล และศรีลังกา
นอกจากนี้ อินเดียยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะเป็นทั้งแหล่งวัตถุดิบและตลาดลงทุนของไทยได้ จึงได้เชิญชวนให้นักลงทุนไทยสำรวจโอกาสและลู่ทางการค้าและการลงทุนในตลาดดังกล่าวด้วย โดยไทยขอให้อินเดียร่วมสนับสนุนการเชื่อมต่อและพัฒนาทางหลวงสายเอเชียนไฮเวย์หมายเลข 1 ที่เชื่อมอินเดีย พม่า และไทย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างสองภูมิภาค
"ภาคเอกชนชั้นนำของอินเดีย อาทิ บริษัททาทาอินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทในเครือ รวมทั้ง บริษัทจินดอลสตีล ต่างก็มีความเชื่อมั่นและสนใจที่จะร่วมลงทุนในไทย เพื่อขยายฐานการผลิตมาสู่ไทยในหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน พลังงาน เหมืองแร่ อุตสาหกรรมซอฟแวร์และไอที อุตสาหกรรมเหล็ก และการก่อสร้างสาธารณูปโภค เป็นต้น ซึ่งฝ่ายอินเดียพร้อมให้การสนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายสร้างเครือข่ายทางการค้าระหว่างกันให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อเกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม ตนเชื่อมั่นว่าไทยและอินเดียจะเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นในระยะยาวต่อไป" นางนลินี กล่าว