วันนี้ ( 9 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยเรื่องการปิดถนนประท้วงปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีกับเอ็นจีวีว่า
เท่าที่ทราบขณะนี้ปัญหาคลี่คลายแล้ว โดยรัฐบาลจะรับเรื่องและข้อเสนอจากกลุ่มรถแท็กซี่มาพิจารณาอีกครั้ง ส่วนการจะไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ เพราะการรับภาระในระยะยาวไม่ได้ทำให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตามเรามีความเข้าใจถึงภาวะเศรษฐกิจ และความจำเป็นในช่วงนี้โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี รัฐบาลจะรับปัญหานี้เข้ามาพิจารณา และความจริงเรามีโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ซึ่งจะเป็นจุดที่ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เพราะมีส่วนลดให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ เพียงแต่ยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ทันในช่วงนี้ เพราะต้องใช้ระยะเวลาในกระบวนการผลิตบัตร อย่างไรก็ตามเบื้องต้นฝ่ายผู้ประกอบการรถแท็กซี่ มีความเข้าใจแล้วว่าจะต้องมีการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีเดือนละ 50 สตางค์เป็นเวลา 4 เดือนก่อน จากนั้นคงต้องหาทางพูดคุยและหาทางออกร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ต่อข้อถามว่าภาระจะตกอยู่กับประชาชน ผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ที่อาจจะมีการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารหรือไม่
นายกรัฐมนตรีตอบว่า ราคารถแท็กซี่ยังคงเหมือนเดิม เพราะในระยะยาวเราคงต้องมาคุยกับกลุ่มรถแท็กซี่อีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นถือว่าเราได้รับฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มรถแท็กซี่ และจะมีการตั้งทีมงานเพื่อศึกษาและหาแนวทางร่วมกัน แต่เจตนาของรัฐบาลคืออยากขอให้ราคาก๊าซเอ็นจีวี เป็นไปตามกลไกเพียงแต่จะทำอย่างไรในการที่จะต้องประคองค่าครองชีพ หรือค่าใช้จ่ายของผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ ส่วนรัฐบาลจะมีแนวทางช่วยเหลือ นอกจากเรื่องของบัตรเครดิตพลังงานนั้น ตนขอรับเรื่องนี้ไปก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามวิธีการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถแท็กซี่ คงจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ไม่ทันในวันที่ 10 ม.ค.นี้ เพราะต้องนำผลการหารือทั้งหมด เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ความเห็นชอบก่อนจากนั้นจึงจะแจ้งให้ ครม.ทราบอีกครั้ง.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ม็อบรถแท็กซี่มิเตอร์กว่า 300 คัน ที่ปิดถนนหน้าทำเนียบรัฐบาล และถนนราชดำเนินบางส่วน ได้สลายตัวแยกย้ายกันไปแล้ว