ปูดแก๊งเจ๊ฮุบโครงการปลอดอากร

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตของพรรคแถลงว่า ได้ติดตามตรวจสอบโครงการบริหารเขตปลอดอากรและศูนย์โลจิสติกส์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.

ได้จ้างบริษัทไทยแอร์พอตส์ กราวด์เซอร์วิสเซส จำกัด (แทคส์) โดยร่วมลงทุนกับ ทอท.ลงนามในสัญญาวันที่ 28 เม.ย. 2549 เป็นระยะเวลา 10 ปี พบว่าการว่าจ้างดังกล่าวไม่มีการประมูล เพื่อให้เกิดการแข่งขัน และยังพบหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าบริษัทแทคส์ถือหุ้นใหญ่ โดยบริษัทโฟรบิชเซอร์ ซึ่งจดทะเบียนในสิงคโปร์ที่เข้ามากว้านซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทแทคส์ถึงร้อยละ 48.5

ที่สำคัญมีการโยงใยถึงแก๊งเจ๊คนหนึ่งได้วางแผนปล้นชาติ ด้วยการยักยอกเงินออกจากบริษัทแทคส์ตั้งแต่ปี 2547-2548 แล้วนำเงินดังกล่าวย้อนกลับมาซื้อหุ้นใหญ่ของบริษัทแทคส์ น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้บริษัทแทคส์ไม่เคยได้รับงานในสนามบินสุวรรณภูมิเลย

แต่เมื่อบริษัทโฟรบิชเซอร์เข้ามาถือหุ้น ใหญ่ในบริษัทแทคส์ ทำให้ได้งานในสนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่มีการแข่งขัน

เมื่อตรวจสอบหลักฐานการจดทะเบียนของบริษัทโฟรบิชเซอร์พบว่าเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการต่ำกว่าร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวโดยผลประกอบการใน

ปี 2546 แจ้งว่ามีรายได้แค่ 120 ล้านบาท

ปี 2547 มีรายได้แค่ 100 ล้านบาท แต่น่าแปลกใจมาก

เมื่อช่วงปลายปี 2547 กลับมีเงิน 198 ล้านบาท มาซื้อหุ้นบริษัทแทคส์ได้เงินก่อนนี้มาจากไหน

จากการตรวจสอบผู้ถือหุ้นบริษัทโฟรบิชเซอร์พบว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นคนสิงคโปร์และคนไทย จากการไปตรวจสอบบ้านผู้ที่หุ้นคนไทยดังกล่าวเป็นบ้านร้าง ปัจจุบันรื้อทิ้งไปแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าเป็นนอมินีทำการแทนไอ้โม่งหรืออีโม่งอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ พบว่าบริษัทแทคส์ได้ว่าจ้างบริษัทดีเทคเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท แต่ทำงานที่ปรึกษาแค่ 5 เดือนเท่านั้น ซึ่งบริษัทนี้จดทะเบียนในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น และมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับบริษัทโฟรบิชเซอร์ เพราะบริษัทดีเทค และบริษัทโฟรบิชเซอร์ มีที่ตั้งอยู่เลขที่เดียวกันในสิงคโปร์ เพื่อใช้ในการติดต่อและทำธุรกรรมต่างๆ

ทอท.ที่มีบอร์ดไปเป็นกรรมการบริษัทแทคส์อนุมัติให้จ่ายเงินค่าจ้างที่บริษัทที่ปรึกษาดีเทคได้อย่างไร

เพราะเป็นการปู้ยี่ปู้ยำงบประมาณ ดังนั้น ในวันที่ 17 ม.ค. เวลา 11.00 น. จะเดินทางไปยื่นหลักฐานให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อตรวจสอบโครงการนี้ และขอให้ตรวจสอบบอร์ด ทอท. ที่มีนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธานในขณะนั้นด้วย

เพราะเป็นตัวแทนบอร์ด ทอท.ที่นั่งในตำแหน่งบริหารของบริษัทแทคส์ที่เป็นบริษัทลูกของ ทอท. รวมทั้งให้สอบบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เชื่อว่าเป็นนอมินีของเจ๊คนหนึ่งมีชื่อว่า นาย ส. และ น.ส.ป. ซึ่งเป็นหลานสาวคนหนึ่งของอดีตนายกรัฐมนตรี

หลังจากนั้นจะเดินทางไปหารือกับนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการให้เป็นตัวอย่างด้วย

นายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า ในฐานะเป็นผู้ยื่นเรื่องร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้เป็นเท็จหรือไม่นั้น

ภายในสัปดาห์นี้ จะประสานกับคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ว่าจะต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะยังมีเบาะแสข้อมูลต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงพฤติการณ์ สามารถขยายผลไปถึงแหล่งที่มาของเงิน และขอให้มีการตรวจสอบงบดุล เส้นทางการเงินของบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องจะเห็นนอมินี หรือกระบวนการแสวงผลประโยชน์ ว่าเป็นใครบ้าง

ทั้งนี้ การยื่นตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติ เป็นเพียงความผิดปลายน้ำ

ดังนั้น จำเป็นต้องจะต้องว่ายทวนน้ำขึ้นไป เพื่อจะได้ข้อเท็จจริงของกระบวน-การ ตลอด 5 ปี ของการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ คาดว่าจะมีเม็ดเงินที่สูญเสียไปให้กับกระบวนการนี้ รวมถึงสิทธิในสัมปทานต่างๆ ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ