นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้รัฐบาลได้ก้าวข้ามปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ
เพราะสังคม และบ้านเมืองควรที่จะเดินไปข้างหน้า ภาวะอื่นๆที่ท้าทายมีแน่นอน เรืองภัยธรรมชาติที่ดูเหมือนเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ คาดการณ์ พยากรณ์ได้ยาก ภาวะเศรษฐกิจโลก ก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงปัจจัยหนึ่ง เชื่อว่าถ้ามีรัฐบาลที่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหา บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปได้ ถูกบ้างผิดบ้างดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ตัวระบบก็จะประคับประคองไปได้
เมื่อถามว่า บรรยากาศในขณะนี้ดีพอที่จะผลักดันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ขณะนี้คงไม่ดี เพราะมีความพยายามที่จะจุดประเด็นความขัดแย้ง อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือเรื่องอื่นๆ แต่ถ้าละประเด็นเหล่านี้ได้ รัฐบาล เลิกหมกมุ่นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วการต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องมันก็จบ
“คนไทยทุกคน ก็เอาใจช่วยให้รัฐบาลก้าวพ้นสักที เพราะรัฐบาลมีเรื่องที่ติดค้างอยู่กับประชาชนมากมาย แต่ขอให้เดินหน้าทำไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น มันน่าเป็นห่วงเพราะว่าความขัดแย้งที่สะสมและคนมีอำนาจรัฐเป็นผู้ที่ไปกระตุ้นเสียเอง ยิ่งเป็นการสร้างแรงกดดัน ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดความไร้เสถียรภาพหรือความรุนแรงมากขึ้น อยากย้ำว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดงได้รัฐบาลที่เป็นคนของตัวเองแล้ว ดังนั้นการสร้างความแตกแยกในสังคมทำเพื่ออะไร ไม่อยากแบ่งแยกประชาชนก็ไม่ควรเดินหน้าในการส่งเสริมการแบ่งแยกด้วยการพยายามตั้งหมู่บ้านหรือการใช้กลไกทางการเมืองมาเป็นการตอบแทนว่า กลับไปสู่แนวคิดเดิมที่ว่าใครเป็นพวกจะได้รับการตอบแทน ซึ่งไม่ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคี แล้วการบริหารจัดการที่ดีในประเทศ“ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะทวงถามสัญญาที่นายกฯให้ไว้ในช่วงที่มีการหาเสียง และปีหน้าอยากเห็นการปรับปรุงการทำงานของทั้งรัฐบาลและนายกฯอย่างไรบ้าง
นายอภิสิทธ์ กล่าวว่าคำมั่นสัญญาหลักก็คือตัว นโยบายที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายก็ทวงถามและต้องการเห็นความก้าวหน้า และแน่นอนสิ้นปีทุกปีหรือขึ้นปีใหม่ทุกปี เราตั้งความหวังว่าทำอย่างไรให้ปีใหม่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ตนว่าสังคมวันนี้มีสิ่งที่ท้าทายมาก อยากเห็นคำตอบ เพราะฉะนั้นอยากเห็นครม.เป็นครม.ที่มุ่งมั่นในการทำงานให้ส่วนรวม ด้วยความซื่อสัตย์ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อยากเห็นนายกฯในสถานะหัวหน้าของรัฐบาล ที่เวลาที่การทำงานของรัฐบาลหรือครม.เดินออกนอกแนวนี้แสดงความเป็นผู้นำในการทำให้ทิศทางการบริหารงานมันหันเหกลับมาในทิศทางที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีปัญหาความวุ่นวายได้อย่างไร เพราะมีการกล่าวอ้างเรื่องเสียงของมวลชนสนับสนุน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ใช้ตรงนี้ไปสร้างเรื่อง สร้างความวุ่นวาย แทนที่จะใช้ตรงนั้นไปสร้างสิ่งดีๆแก้ไขปัญหาให้ประชาชน การสนับสนุนพรรคการเมืองหรือรัฐบาล ในระบอบประชาธิปไตยเป็นการสนับสนุนในการบริหารบ้านเมืองในการผลักดันนโยบาย ไม่ใช่ใบอนุญาต ที่บอกว่าเมื่อมีเสียงมากแล้วทำอะไรก็ได้ผิดกฎหมายก็ได้ หรือ ทำลายระบบอะไรก็ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)หลังปีใหม่และในฐานะอดีตนายกฯคิดว่าควรปรับใครออกบ้าง
จากการทำงานที่ผ่านมาว่า เราได้อภิปรายและยื่นถอดถอนรัฐมนตรีไปแล้วก็คือ พล.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ซึ่งเราเห็นว่ากระทำผิดกฎหมายและตามด้วย รมว.อีก 2 คน ที่เราเห็นว่า ทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะตามอีก 1 ท่าน ในช่วงต้นปี 2555 เพราะเราเห็นว่า บุคคลเหล่านี้ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว ขณะเดียวกันตนคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดก็คือ เอาการทำงานเป็นตัวตั้ง อย่าเอาคนเป็นตัวตั้ง ส่วนการจะยื่นถอดถอนนายกฯหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่า ไปเกี่ยวข้องและบทบาทเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการยื่นถอดถอนนายกฯผ่านช่องทางผู้ตรวจการแผ่นดิน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
เป็นเรื่องของนโยบายที่ทับซ้อน ถามย้ำว่าในสายตาพรรคประชาธิปัตย์มองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความเหมาะสมจะดำรงตำแหน่งนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือเราบอกว่า ต้องชี้ให้ชัดเจนว่าตรงนั้นมีกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ก็เป็นการตรวจสอบ