สื่อทำเนียบตั้งฉายารบ.‘ทักษิณส่วนหน้า’-นายกฯนกแก้ว

วันที่ 26 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลได้ประชุมและมีมติให้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2554 ดังนี้

 ฉายารัฐบาล : ทักษิณส่วนหน้า
 การบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สามารถสลัดภาพว่ามีพี่ชายอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่เบื้องหลังได้ จนรัฐบาลชุดนี้เปรียบเหมือนศูนย์บัญชาการส่วนหน้าของตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องทำตามสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณคิดและวางไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยมที่ชูสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” หรือในการจัดตั้งครม. ผู้ที่มีสิทธิได้ตำแหน่งต่างเดินทางไปถึงดูไบเพื่อแสดงวิสัยทัศน์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณยังไปกรุยทางให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ นอกเหนือจากการการันตีว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์คือโคลนนิ่งของตัวเอง

 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ : นายกฯนกแก้ว
 น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิงที่มีความสวย บุคลิกดี มีความความโดดเด่น คล้ายกับนกแก้วที่มีสีสันสวยงาม แต่กลายเป็นนกแก้วที่ต้องติดอยู่ในกรงทอง ไม่สามารถบินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง ต้องมีพี่เลี้ยงคอยประกบดูแลอย่างใกล้ชิด บทบาทที่น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงต่อสาธารณชน จึงเป็นเพียงนกแก้วที่พูดตามบทที่มีคนเขียนหรือบอกให้พูดเท่านั้น และลักษณะการตอบคำถามของน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มักพูดซ้ำไปซ้ำมา หรือวกวนจนไม่รู้ข้อเท็จจริงคืออะไร หลายครั้งพูดผิดกระทั่งตกเป็นเป้าของการวิจารณ์

 ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย : ทักษิโด้โชว์ห่วย
 เคยเป็นถึงแคนดิเดตนายกฯ จากประวัติการทำงานที่เป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล นายยงยุทธจึงถูกวางตัวให้รับตำแหน่งสำคัญในฐานะรมว.มหาดไทย เพื่อตอบแทนความภักดีที่คอยดูแลพรรคในช่วงเวลาที่ตกต่ำสุดขีด แต่นอกจากเป็นผู้ที่แต่งกายและมีบุคลิกดีคล้ายผู้ชายใส่ “ทักซิโด” เมื่อถึงเวลาแสดงผลงานกลับสอบตก“โชว์ห่วย” จนมีเสียงเรียกร้องภายในพรรคให้ปรับออกจากตำแหน่ง คำว่า “ทักษิโด้” ในที่นี้ยังเป็นการล้อจากชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้อยู่เบื้องหลังของการได้มาซึ่งตำแหน่งของนายยงยุทธด้วย
 
 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ : กุมารทองคะนองศึก
 กุมารทองมักสวมเครื่องทรง แทนสัญลักษณ์ของผู้มีตำแหน่งสำคัญ โดยลักษณะทั่วไปของกุมารทองคือ จะทำงานตามคำสั่งและทำเพื่อประโยชน์ของผู้เลี้ยงเท่านั้น เช่นเดียวกับร.ต.อ.เฉลิมที่จะทำงานตามคำสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิม ยังมักเป็นพรายกระซิบคอยบอกบทของเพื่อนรัฐมนตรีระหว่างการชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งยังมีความซุกซน ชอบเข้าไปเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องที่ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบของตัวเอง หวังเพียงสร้างประเด็นข่าว นอกจากนี้ยังมีความคึกคะนองพร้อมประกาศศึกกับใครก็ได้ จนบางครั้งกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
 
 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม : อินทรีหลงป่า
 พล.ต.อ.ประชา มีดีกรีเป็นถึงอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พื้นเพเป็นคนอีสาน และแสดงผลงานการปราบปรามสมัยสวมเครื่องแบบสีกากีอย่างโดดเด่น จนถูกขนานนามว่าเป็น “อินทรีอีสาน”  แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกลับได้รับงานที่ผิดฝาผิดตัว คืองานแก้ปัญหาน้ำท่วม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ซึ่งไม่ใช่งานที่ถนัด อีกทั้งยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลงทิศหลงทาง ส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมลุกลาม ประชาชนหลายพื้นที่เกิดความขัดแย้ง กระทั่งตัวพล.ต.อ.ประชา ยังถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจและถูกฝ่ายค้านยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง
 
 สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ : ‘ปึ้ง’เป้าเป๊ะ
 ปึ้ง เป็นชื่อเล่นของนายสุรพงษ์ ผู้ที่ถูกสังคมตั้งคำถามนับแต่รับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ว่ามีความรู้ความสามารถเพียงพอต่อตำแหน่งนี้หรือไม่
 แต่ผลงานตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เข้าเป้าทุกประการเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และอาศัยจังหวะชุลมุนช่วงน้ำท่วม ออกหนังสือเดินทางให้กับอดีตนายกฯ หรือแม้แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวง


สื่อทำเนียบตั้งฉายารบ.‘ทักษิณส่วนหน้า’-นายกฯนกแก้ว

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ : ประแจปากตาย
 อดีตผบ.ตร.ผู้นี้ มีบุคลิกพูดน้อย มีท่าทีแข็งทื่อ คล้ายทำเหมือนพูดไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่มีบทบาทตามหน้าสื่อหรือภายในพรรคเพื่อไทยแต่ความจริง พล.ต.ท.โกวิท เป็นตัวเดินเกมและคอยแก้ปัญหาให้กับรัฐบาล รวมถึงพรรคเพื่อไทยในหลายเรื่อง ที่โดดเด่นคือการกล่อมให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ย้ายจากผบ.ตร.มาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเปิดทางให้กับพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็นผบ.ตร.สมใจ หลังรอคอยตำแหน่งนี้มายาวนาน
 
 
กิตติรักษ์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ : ปุเลง..นอง
 ล้อมาจากคำว่า “บุเรงนอง” ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ในนิยายผู้ชนะสิบทิศ เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์ ที่เป็นขุนพลด้านเศรษฐกิจ ผู้ประกาศตัวว่าจะเข้ามากู้วิกฤตให้กับประเทศ แต่การทำงานของนายกิตติรัตน์ เป็นไปอย่างติดๆขัดๆ ไม่ราบรื่นเหมือนปุเลงไปเรื่อยๆ และยังมีปัญหากับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลังหลายหน กระทั่งเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทะลักเข้านิคมอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง สร้างความเสียหายมหาศาล ทำให้นายกิตติรัตน์ น้ำตานองหน้าต่อคนทั้งประเทศ
 
 
พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน : ไอเดียกระฉอก
 เป็นเจ้าโปรเจกต์ สารพัดคิด หลายเรื่องยังไม่ได้ข้อสรุปในที่ประชุม ก็เป็นเจ้าตัวที่ทำให้กระฉอกออกมา อย่างโครงการนิวไทยแลนด์ ที่ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 9 แสนล้านบาทเพื่อมาฟื้นฟูประเทศ แต่สุดท้ายนายกฯกลับปฏิเสธว่าไม่มีโครงการดังกล่าว หลายไอเดียที่เจ้าตัวคิดออกมาดังๆ แล้วถูกติติงจากผู้รู้ว่าไม่น่านำไปปฏิบัติได้จริง เพียงข้ามวันนายพิชัยก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ไอเดียของตน เหมือนน้ำที่กระฉอกไป กระฉอกมา หาอะไรแน่นอนไม่ได้ สุดท้ายผลงานเลยไม่เป็นไปตามเป้า
 
 ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ : ขงเบ๊
 “ขงเบ้ง” เป็นกุนซือคนสำคัญในเรื่องสามก๊ก ซึ่งนายธีระเคยนำไปเปรียบเปรยในสภา ถึงปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาว่าต่อให้ขงเบ้งมาเกิดใหม่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ นอกจากนายธีระ ไม่ใช่คนที่คอยวางแผนให้คนอื่นปฏิบัติตาม ยังเป็นคนที่รับคำสั่งจากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งงานในกระทรวงเกษตรฯและการบริหารจัดการน้ำ คำว่า “เบ๊” นอกจากแปลว่าทำตามคำสั่งคนอื่นแล้ว ยังมาจากแซ่ของนายบรรหาร ที่แปลว่า ม้าหรืออาชาด้วย

 ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ผีเจาะปลอด
 เป็นรมว.วิทยาศาสตร์ฯ แต่โด่งดังจากการเตือนภัยว่าน้ำจะท่วมกทม. ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าตื่นตูมเกินเหตุ แต่ท้ายสุดน้ำก็ท่วมกทม.จริงๆ นับจากนั้นจึงมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเรื่องน้ำ แต่การเตือนภัยระยะหลังของนายปลอดประสพ เป็นไปในลักษณะให้ตื่นกลัวมากกว่าตื่นตัว ที่สำคัญด้วยบุคลิกที่เป็นคนพูดเก่ง แม้แต่เรื่องที่ไม่ให้พูด เปรียบเสมือนอ“ผีเจาะปาก” สำหรับนายปลอดประสพ กลายเป็น “ผีเจาะปลอด” เพราะการพูดแต่ละครั้ง มักทำให้คนกลัวหรือตกใจ
 
 วาทะแห่งปี “น้ำตาที่ไหลไม่ได้มาจากความอ่อนแอ ใครไม่โดนไม่รู้ มันเป็นอารมณ์ร่วม”
 เป็นคำให้สัมภาษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ศปภ. ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก หลังจากไม่สามารถสกัดกั้นไม่ให้น้ำเข้ามาท่วมกทม.รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆได้ ผลโพลต่างๆออกมาตรงกันว่าไม่เชื่อถือการทำงานของรัฐบาล นำไปสู่คำถามว่ารัฐบาลจะประคองตนจนถึงสิ้นปีหรือไม่ ช่วงเวลานั้นไม่ว่าไปปฏิบัติงานที่ใด น.ส.ยิ่งลักษณ์มักจะหลั่งน้ำตาออกมา จนหลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนภาวะจิตใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ได้ต้องการเล่นการเมืองมาแต่ต้น แต่ถูกพี่ชายผลักดันให้มาทวงความเป็นธรรมให้กับตระกูลชินวัตร แม้จะเฉไฉว่าร้องให้เพราะเห็นใจประชาชนก็ตาม

  วันเดียวกัน นายจักรพล บัวโฮม ประธานชุมนุมรัฐศาสตร์ สโมสรนิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

แถลงข่าวการตั้งฉายาสถาบันทางการเมืองครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 โดยให้ฉายารัฐบาลชุดนี้เป็น “ปูอบวุ้นเส้น” เพราะมวลชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลพยายามเรียกตัวเองว่าเป็นไพร่ จึงเปรียบเหมือนวุ้นเส้นที่เล็กกว่าเส้นหมี่ แต่มีความเหนียวแน่นในการรวบ และตัวชี้วัดความอร่อยของอาหารจานนี้อยู่ที่วุ้นเส้น ไม่ใช่ปู เพราะปูอาจถูกแทนที่ด้วยกุ้งหรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่นได้


 รัฐสภาได้ฉายาว่า “สภาจิ้งหรีด” เพราะมุ่งเถียงกันแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง พรรคเพื่อไทยได้ฉายา “นักประดาน้ำ” เพราะแทนที่จะมีบทบาทช่วยเหลือประชาชนประสบภัยน้ำท่วม กลับฉวยโอกาสเรื่องของบริจาคที่ศปภ. ประหนึ่งเป็นนักประดาน้ำ อาศัยช่วงน้ำหลากขับเคลื่อนวาระแอบแฝง


 พรรคประชาธิปัตย์ ฉายา “หล่อรอเสียบ” จุดขายหลักของพรรคประชาธิปัตย์มายาวนานคือเรื่องความหล่อ ทั้งรูปร่างหน้าตาและคำพูดคำจา แต่ลงเลือกตั้งคราวใดมักแพ้ จึงรอเสียบด้วยสารพัดเทคนิควิธี การเล่นการเมืองแบบคาบลูกคาบดอก พรรคภูมิใจไทย ได้ฉายาว่า “ห้อยตกบัลลังก์” เพราะแม้พรรคภูมิใจไทยจะอุดมด้วยกระสุน วาดฝันจะเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแต่ได้รับเลือกเพียง 34 คน และต้องตกบันไดไปเป็นฝ่ายค้าน


 กองทัพ “อัศวินม้าหงอย” ภายใต้การบริหารของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพเปรียบเสมือนม้าที่ได้หญ้าดีน้ำดี มีอัศวินผู้ขี่รู้ใจ ม้าจึงคึกคะนองกระโดดโลดเต้นอยู่เสมอ แต่พอเปลี่ยนเป็นพรรคเพื่อไทยกองทัพเสมือนม้าขาดหญ้าขาดน้ำ ได้อัศวินที่เป็นคู่อาฆาต ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว


 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉายา “พระเอกตอนจบ” ช่วงอุทกภัยการถอดชุดเครื่องแบบ เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวสกรีนตัวอักษร “ตำรวจ”กับกางเกงขาสั้น แสดงถึงการเข้าอกเข้าใจ เป็นมิตร ขณะเดียวกันยังมีสำนึกในหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนเป็นที่นิยมชมชอบ กลายเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วเมืองสมกับเป็นพระเอกตอนจบ


 ส่วน กทม. (กรุงเทพมหานคร) ฉายา “หม้อไฟต้มยำ” เพราะกทม. กับ ศปภ. ทะเลาะกันแต่ชาวบ้านซวย ส่วนศปภ. (ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย)ได้รับฉายาว่า ศูนย์ปิดบังภัยพิบัติ เพราะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลที่แท้จริง และวาทะแห่งปี “เอาอยู่”


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์