เผยโฉมฉายาสภาฯ ใครเด่น ดัง ดับ

เผยโฉมฉายาสภาฯ ใครเด่น ดัง ดับ



วันนี้ (25 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี สื่อมวลชนประจำรัฐสภา จะระดมความเห็นตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิก และการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยในรอบปี 2554 สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เล็งเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติ มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านการเมืองของประเทศ  และขอยืนยันว่าการตั้งฉายาดังกล่าวได้ใช้เหตุผล ความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากการแทรกแซงจากทุกฝ่าย และการพิจารณาทั้งหมดได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยผลการพิจารณามีดังต่อไปนี้


1.เหตุการณ์แห่งปี : องค์ประชุมรัฐสภาล่มวันแถลงนโยบายของรัฐบาล เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นกลางดึกเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแถลงนโยบายของรัฐสภาต่อที่ประชุมรัฐสภา สืบเนื่องมาจากการที่ส.ส.ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงสถาบันเบื้องสูง จนนำมาสู่การประท้วงอย่างวุ่นวาย ส่งผลให้ต้องพักการประชุมนานถึง 40นาที ต่อมานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา สั่งให้นับองค์ประชุมถึง 2 ครั้งก่อนลงมติว่า จะปิดการอภิปรายตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เสนอหรือไม่ โดยครั้งสุดท้ายมีองค์ประชุมเพียง 314 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งจำนวน 325 เสียง จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 23.27น.และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค. ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องอย่างร้ายแรงของฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะก่อนที่รัฐบาลจะสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้โดยสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญต้องผ่านการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงในรัฐสภามากถึง 300 เสียง แต่กลับไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้

2.วาทะแห่งปี : “คำวินิจฉัยประธาน ถือเป็นที่สิ้นสุดจะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” มาจากคำพูดของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อชี้แจงต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกรณีการทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อวินิจฉัยในประเด็นที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายพาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูง ทำให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างตึงเครีย ดจนท้ายที่สุดนายสมศักดิ์ ใช้อำนาจวินิจฉัยด้วยด้วยคำพูดว่า..."ผมฟังอยู่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นครับ ท่านครับ ท่านสมาชิกครับ ผมขออนุญาตนิดเดียวครับข้อบังคับที่พวกเราร่างขึ้นมาเป็นกติกาให้อำนาจประธานเป็นผู้วินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นเด็ดขาด ส่วนผิดหรือถูกอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมถือว่าผมวินิจฉัยแล้วต้องเป็นเด็ดขาดครับ ไม่อย่างนั้น มันจบไม่ได้ครับ" (รายงานการประชุมรัฐสภาสามัญทั่วไปครั้งที่วันที่ 23-24ส.ค.2554 หน้า 740) คำพูดดังกล่าวได้สะท้อนถึงบุคลิกการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ ที่ให้ความสำคัญกับอำนาจของประธานควบคุมการประชุมตามข้อบังคับที่เป็นลายลักษณ์อักษร

3.ฉายาสภาผู้แทนราษฎร: กระดองปูแดง...การเลือกตั้งส.ส.เมื่อเดือนก.ค.2554 ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในสภาฯ รวมทั้งมีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง เข้ามาดำรงตำแหน่งสส.มากกว่า 20 คน แต่การทำงานของสภาฯภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยกลับให้ความสำคัญกับการปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอีกสถานะหนึ่ง คือ น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยทุกครั้งในการประชุมสภาฯ หรือรัฐสภาหากมีการพาดพิงถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัวชินวัตร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะถูกสส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากลุกขึ้นตอบโต้อย่างดุเดือด จนการประชุมสภาฯ ต้องหยุดชะงักหลายครั้ง ดังนั้น สภาฯชุดที่ 24 ภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยที่มักอ้างเสมอว่ามีมวลชนคนเสื้อแดงกว่า 15 ล้านเสียงสนับสนุน จึงเปรียบเสมือนเป็นกระดองสีแดงปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีชื่อเล่นว่า "ปู"  

4.ฉายาวุฒิสภา : สังคโลก..บทบาทของวุฒิสภาในช่วงที่ผ่านมาสังคมต่างให้ความเชื่อมั่น พร้อมกับคาดหวังไว้สูงว่า จะปฏิบัติหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเพื่อกำกับ และดูแลการทำงานของสภาฯ และกลั่นกรองกฎหมาย แต่การทำงานในรอบปีที่ผ่านมาวุฒิสภากลับไม่มีบทบาทเป็นที่ประจักษ์ ทั้งที่ล้วนมาจากบุคคลที่มีความอาวุโส มากประสบการณ์จากหลากหลายสาขาอาชีพ เปรียบเสมือนเครื่องสังคโลก วัตถุโบราณที่มีคุณค่าในตัวเองทุกล้วนต้องการเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้จริงเพราะมีคุณค่าเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น 

5.ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร (สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) : ค้อนปลอม ตราดูไบ...เดิม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  ประธานสภาฯ ได้รับฉายาว่า “ขุนค้อน” เมื่อครั้งเป็นรองประธานสภาฯเมื่อปี 2540 เพราะได้ใช้ค้อนทุบลงบัลลังค์ เพื่อแสดงความเด็ดขาดในการควบคุมการประชุม และก่อนได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯ นายสมศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าไปเสนอตัวจนได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯสมใจ เมื่อได้มาทำหน้าที่ควบคุมการประชุม จะถูกโจมตีอย่างหนักถึงความไม่เป็นกลางที่เอื้อต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งในเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการอภิปรายทั่วไปเรื่องปัญหาน้ำท่วม กระทั่งถูกกล่าวหาขั้นรุนแรงว่ารับใบสั่งจากนายใหญ่ดูไบ ทำให้ภาพของขุนค้อนผู้หนักแน่น เด็ดขาด เป็นกลางตกต่ำลง จึงเป็นที่มาของฉายา “ค้อนปลอม ตราดูไบ” ในที่สุด

6.ฉายาประธานวุฒิสภา (พล.อ.ธีรเดช มีเพียร) : นายพลถนัดชิ่ง...พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหลังจากได้รับการสรรหาเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่นับเป็นบุคคลที่สังคมให้การจับตาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยผ่านตำแหน่งสำคัญ ทั้งในกองทัพและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมาแล้ว อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน  แต่จากการทำงานที่ผ่านมาพล.อ.ธีรเดช ไม่ได้แสดงบทบาทตามที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ไม่เพียงเท่านี้ยังยังเลี่ยงตอบคำถาม เพื่อแสดงความคิดเห็นในเหตุการณ์ต่างๆ มักอ้างว่า “ผมจำไม่ได้”, “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ต้องไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง” เหมือนชิ่งตัวเองออกจากปัญหา ทั้งที่ควรจะแสดงบทบาทให้เข้มแข็ง และเด็ดขาดสมกับเป็นอดีตนายพลในกองทัพ

7.ดาวเด่น: รังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์...การทำงานของน.ส.รังสิมา นับตั้งแต่เป็นสส.มีความเสมอต้นเสมอปลายโดยเฉพาะการสวมบทมือปราบสส.นอกแถว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การเปิดโปงส.ส.ที่ชอบเสียบบัตรแสดงตนแทนกัน การขอให้ประธานสภาฯควบคุมการประชุมให้มีความเป็นกลาง หรือแม้กระทั่งขอความร่วมมือส.ส.ไม่ให้ประชุมคณะกรรมาธิการในช่วงวันพุธหรือวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันประชุมสภาฯ เพราะมีผลให้องค์ประชุมสภาฯ เสี่ยงต่อการล่มหลายครั้ง บทบาทเหล่านี้น.ส.รังสิมา ได้ประพฤติปฏิบัติมาตลอด โดยไม่คำนึงถึงว่าช่วงเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

8.ดาวดับ: ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย...ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร หนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตัดขาดกับงานฝ่ายนิติบัญญัติอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงท่าทีถึงการไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภาหลายครั้ง ทั้งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะให้ความร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อร่วมนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ สร้างความหวังให้กับสังคมไม่ต่างอะไรกับการเป็นดาวเด่นในทางการเมืองภายหลังประสบความสำเร็จจากการบริหารธุรกิจของครอบครัวชินวัตร สำหรับพฤติกรรมที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงออกจนนำมาซึ่งคำครหาว่า "หนีสภา" หลายต่อหลายครั้ง เช่น การไม่แสดงบทบาทนายกรัฐมนต รีเพื่อเข้ามาไกล่เกลี่ยระหว่างส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งต่างกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้ที่พยายามจะเข้ามาเป็นตัวกลางสร้างความประนีประนอมให้กับทั้ง 2 ฝ่ายเ พื่อให้งานสภาฯเดินหน้าไปได้ หรือ การมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือรองนายกฯเป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนการตอบด้วยตัวเองหลายครั้งท่ามกลางข้อสงสัยว่าเป็นการมอบหมายให้บุคคลอื่นชี้แจงแทนมากเกินความจำเป็นหรือไม่ ส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับตำแหน่งดาวดับไปโดยปริยาย 

9.คู่กัดแห่งปี: อรรถพร พลบุตร vs จตุพร พรหมพันธุ์...การประชุมสภาฯมีหลายครั้งที่เกิดวิวาทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างกรรมต่างวาระและต่างคู่กรณี แต่การฟาดฟันระหว่างนายอรรถพร พลบุตร สส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องยกให้เป็นมวยคู่เอกทุกครั้งไป เนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ทั้ง 2 คนนี้เชือดเฉือนคำพูดกันได้เป็นชนวนก่อให้เกิดเหตุประท้วงกันแบบบานปลาย ระหว่างส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งส่วนใหญ่ประเด็นที่ทั้ง 2 คนมักจะโต้คารมกัน คือ การพาดพิงถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

10.คนดีศรีสภา:  งดการเสนอชื่อบุคคล...สำหรับตำแหน่งคนดีศรีสภาสื่อมวลชนประจำรัฐสภามีความเห็นร่วมกันยังไม่มีบุคคลที่เหมาะสมกับการได้รับตำแหน่งดังกล่าว ถึงแม้จะมีส.ส.และส.ว.หลายคนแสดงบทบาทการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม หรือ การแสดงออกผ่านการร่วมประชุมรัฐสภาในวาระต่าง ๆ แต่ทว่ายังไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดแสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างเห็นได้ชัด สื่อมวลชนประจำรัฐสภา จึงความเห็นร่วมกันของดการมอบตำแหน่งคนศรีสภาประจำปี 2554

11.ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) : หล่อดีเลย์..ด้วยบทบาทการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ หลังจากแพ้การเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยไม่สำเร็จ แม้จะพยายามทำหน้าที่ชี้แนะตรวจสอบรัฐบาลถึงปัญหาน้ำท่วม นโยบายด้านต่าง ๆ รวมถึงการเสนอทางออกเพื่อความปรองดอง แต่ไม่สามารถวิจารณ์ได้เต็มปาก เนื่องจากถูกย้อนศรจากส.ส.พรรคเพื่อไทยในสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนหน้านี้ หรือ การเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมจนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ในตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง จึงถูกวิจารณ์ว่าเหตุใดไม่แก้ปัญหาอย่างที่ได้พูดเอาไว้ตั้งแต่เป็นนายกฯ กลายเป็นที่มาของ“หล่อดีเลย์”



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์