'ประสงค์' เตือนหากแก้ รธน. ต้องทำประชามติ ชี้ หากไม่มีเหตุผล บ้านเมืองจะกลับมาขัดแย้งรุนแรง
น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 291 เพื่อให้มีสสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้เปิดช่องให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ในมาตรา 291 ไม่ว่าจะเป็นการล่ารายชื่อประชาชาชนจำนวน 50,000 คน หรือกระบวนการสภาก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปิดกว้างไว้ ไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ประการสำคัญคือ จะแก้ไขในมาตราใด เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านกระบวนการประชาชน มีการลงประชามติจากประชาชนจำนวน 14-15 ล้านคน ดังนั้น ผู้ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนี้ จะต้องถามประชามติของประชาชนเสียก่อน ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบว่า จะแก้ไขในมาตราใด เรื่องอะไร และควรชี้ให้ชัดว่า แก้ไขเพื่ออะไร
นอกจากนี้ ผู้ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องรู้ว่า รัฐธรรมนูญปี 50 เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน จะทำอะไรต้องถามความคิดเห็นจากประชาชนเสมอ อย่าใช้เสียงข้างมากในสภา ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นอีกแน่
น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เรื่องที่จะมีการแก้ไขกันนั้น เขาคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองเท่านั้น อาทิ มาตรา 237 ที่เกี่ยวข้องกับยุบพรรคการเมือง เนื่องจากบรรดานักการเมืองที่ยังถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ไม่พอใจมาตรานี้อย่างมาก และอยากให้มีการยกเลิกกันไป
ทั้งนี้ ข้อที่สำคัญที่สุด คือมาตรา 309 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลสุดท้าย ที่บัญญัติว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่า เป็นการชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่า การนั้น เเละการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
"นักการเมืองปัจจุบัน กลุ่มคนบางกลุ่มที่เสียประโยชน์ และผู้ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี จริงจังที่จะแก้ไขเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคน ๆ เดียวที่ยังเร่ร่อนอยู่ ถ้าพวกคุณจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องถามประชามติจากประชาชนว่า เขาเห็นด้วยกับคุณหรือไม่ แต่ถ้าจะแก้ไขเพื่อตัวเอง ให้พรรคพวกตัวเองพ้นผิด ตัดสินใจทำโดยไม่มีเหตุผล ผมคิดว่า ปัญหาจะเกิดขึ้นในสังคม และความขัดแย้งในบ้านเมืองจะกลับมารุนแรงอีกครั้งแน่” น.ต.ประสงค์ ระบุ