“เหลิม”ปัดพท.ขัดแย้งแก้รธน. ไม่ปฏิเสธ พท.แก้ม.309 พร้อมยันยันรัฐบาล ฉลาดพอไม่แตะประเด็นแก้ ม.112 ป.อาญาแน่
วันนี้ ( 22 ธ.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมาชิกภายในพรรคเพื่อไทย มีความเห็นไม่ตรงกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ภายในพรรคไม่ได้แตกแยกกัน แต่เป็นความแตกต่างของมุมมอง
โดยหลักการคือพรรคได้แถลงนโยบายว่าจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญภายใน 1 ปี ตนมองว่าขณะนี้รัฐบาลเพิ่งอยู่มา 4 เดือน ควรเน้นไปที่การแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาเศรษฐกิจ และการปราบปรามเว็บไซต์ที่กระทบต่อความมั่นคง และโดยหลักการเห็นตรงกัน ไม่มีใครเห็นต่าง ส่วนจะผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยการประชุมนิติบัญญัติหรือไม่นั้น ตนเป็นคนปราศรัยเองว่า รัฐธรรมนูญเผด็จการต้องแก้ไข
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าจะเกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงไม่กลัว เพราะการแก้ไขต้องเปิดเผย อยู่ที่เนื้อหาสาระ หากเปิดเผยและเข้าใจกัน คงไม่มีปัญหาอะไร สาระที่จะให้มีการแก้ไขต้องพูดคุยกันให้ตกผลึกก่อน ถึงจะได้ข้อยุติ
เมื่อถามว่าสิ่งที่สะท้อนชัดเจนว่าจะให้แก้ไขคือ มาตรา 309 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงไม่ได้เน้นเรื่องหนึ่งเรื่องใด ต้องทำเป็นระบบ แต่คนไปเข้าใจเอาเองว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นการไปลบล้างเรื่องต่าง ๆ นั้น คงไม่ใช่
เมื่อถามว่าการแก้ไขกติกาสูงสุดของประเทศ จะส่งผลกระทบต่อกฎหมายอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะมาตรา 309 ที่จะเป็นการลบล้างผลพวงจากการรัฐประหารหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ปฎิเสธไม่ได้บอกว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่แก้เพราะคือนโยบายของพรรค แต่ต้องแก้มาตรา 291 เพื่อให้มี ส.ส.ร. ซึ่งก็จะมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ถ้าใครฝักใฝ่เผด็จการก็ไม่ควรเลือกเข้ามา
ส่วนที่มีความกังวลว่าจะมีการครอบงำ ส.ส.ร.โดยฝ่ายบริหารนั้น ตนไม่รู้ว่าจะไปครอบงำได้อย่างไร เพราะ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง ถ้าไม่ยอมรับการมาจากการเลือกตั้ง บ้านเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยก็ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง
ต่อข้อถามว่าสังคมยังมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ทำเพื่อคน ๆ เดียว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ทำเพื่อคน ๆ เดียว แต่ทำเพื่อคนทั้งประเทศ ส่วนประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไรในการแก้ไข จะต้องดูที่เนื้อหา สาระ ผลการแก้ไข อะไรที่ทำแล้วมีคนได้ประโยชน์เพียงคนเดียว ไม่มีใครยอมหรอก
เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการสับขาหลอกเหมือนพระราชกฤษฎีการอภัยโทษหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นเรื่องของพวกทึกทักเอาเอง เพราะยังไม่ได้ประชุมกัน เรื่องนี้ต้องหาข้อยุติ และแถลงออกมาทีเดียวให้ประชาชนเข้าใจ และการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าไม่ควรทำประชามติ เพราะถือเป็นนโยบายของทางพรรคนั้น เป็นความเห็นของเขา มีสิทธิพูด ไม่ได้มีความแตกแยก
เมื่อถามว่าหากเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้รัฐบาลอายุสั้นลงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มองว่าหากรัฐบาลไม่ทุจริตจะอยู่ครบเทอมและต่ออีก 4 ปี
ส่วนการแก้ไข มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาที่กลายเป็นปัญหาทำให้ประชาชนทะเลาะกันที่ จ.เชียงใหม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีความเห็น แต่ใครเสนอแก้ไขมาตรานี้ ตนคัดค้านอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่าเคยพูดในระหว่างการแถลงนโยบายว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดว่าจะแก้ ตนเป็นหนึ่งในคณะรัฐบาล จะไปพูดแทนรัฐบาลได้อย่างไร เขาไม่แก้หรอก รัฐบาลชุดนี้ฉลาดพอ เพราะทำอะไรต้องคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
เมื่อถามว่าการขับเคลื่อนฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย จะเป็นแรงกดดันที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนความคิดในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เปลี่ยน คนเยอะได้มาตั้ง 265 ที่นั่ง แต่สุดท้ายได้บทสรุป ตนคุยเรียบร้อยหมดแล้วไม่มีใครคิดอย่างอื่น
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่กับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงกับแก้ไขรัฐธรรมนูญและมาตรา 112 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนแสดงความเห็นข้ามฟากไม่ได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับเขา เขารักตน ตนก็รักเขา
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่ทางคนเสื้อแดงเตรียมรวมตัวกันเพื่อกดดันศาลให้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนว่าเขาคงไม่ทำ เพราะสถาบันศาลกดดันไม่ได้ ไม่มีใครทำหรอก ศาลสถิตยุติธรรม ตัดสินในพระปรมาภิไธย อย่าไปล้อเล่น
เมื่อถามว่าถ้าหากรวมตัวเข้า กทม.จะทำอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีหรอก เพราะไม่มีใครเขาคิดจะทำอย่างนั้น.