ที่บางเขน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงกรณีที่พรรคจะจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นในการฟื้นฟูประเทศ ว่าจะเริ่มการสัมนาวันที่ 23 ธ.ค.นี้ เป็นวันเริ่มต้น ไปจนถึงเดือนก.พ.55 เริ่มด้วยการนำผู้เชี่ยวชาญทางด้านน้ำ และผู้ได้รับผลกระทบมาพุดคุยหารือ โดยเป็นรูปแบบการจัดเวทีต่อเนื่อง ดูจากหลายพื้นที่ หลายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ตัวแทนหน่วยงานต่างๆ และผู้รู้ในด้านต่างๆ นำไปสู่การนำเสนอในเรื่องการป้องกันในอนาคต การบริหารจัดการ จะสะท้อนการสัมนาผ่านไปยังหน่วยง่านต่างๆ โดยตัวแทนหน่วยงานที่เข้าร่วมการสัมนา หากได้รับทราบข้อมูลโดยตรง ก็จะเป็นการดี
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการนำผลการสัมนาไปใช้ว่าจะมีหลายส่วน โดยปัญหาเรื่องการประเมินเหตุการณ์ที่ผ่านมาในเรื่องการการบริการจัดการน้ำ
และการบริหารจัดการในขั้นตอนต่างๆเริ่มตั้งแต่การเข้าไปช่วยเหลือไปจนถึงการฟื้นฟู จะเป็นการทำให้ทุกฝ่ายมีโอกาสสะท้อนข้อเท็จจริงและประสบการณ์ การที่เชิญหน่วยงานมาก็จะเป็นผลดี แต่ทางพรรคจะมีการสรุปผลการสัมนาและเสนอ โดยอาจจะผ่านทางสภา หรือส่งตรงต่อหน่วยงาน ส่วนที่ยังมีความกังวลว่าปัญหาน้ำท่วมอาจจะกลับมาอีก ทางรัฐบาลควรจะดำเนินการอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราอยากเห็นการเร่งรัดในส่วนของ คณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพราะขณะนี้ความชัดเจนตรงนี้ยังไม่มี จึงส่งผลกระทบไปถึงการตัดสินใจของนักลงทุนด้วย และถ้าเศรษฐกิจกระทบประชาชนก็จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องนาน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ยังกล่าวกรณีที่นักวิชาการเสนอว่า การแก้มาตรา 112 ควรมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองว่า
เห็นด้วยที่จะให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการและสามารถใช้รูปแบบที่เคยตั้งไว้ในรัฐบาลชุดที่แล้วได้ ที่มีการตั้งคณะที่ปรึกษาทางกฏหมายขึ้นมาเพื่อให้แง่มุมความคิดเห็นต่อพนักงานสอบสวนและอัยการ น่าจะเป็นประโยชน์ เพราะจะได้ช่วยสรุปประมวลภาพรวมการบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำไปสู่การสร้างความใจที่ถูกต้อง และรัฐบาลสามารถใช้รูปแบบที่รัฐบาลชุดที่แล้ว สำหรับคณะกรรมการ ตนเห็นว่าควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมายและเข้าใจเจตนารมณ์ของมาตรา 112 เพราะที่สุดแล้วมาตรานี้ ต้องทำเพื่อปกป้องสถาบันพระมาหากษัตริย์และเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า การคืนพาสปอร์ตให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายว่า ตนยืนยันว่าสถานะของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เหมาะสมต่อการออกพาสปอร์ต หากทำทุกอย่างถูกต้องจริง ทำไมถึงต้องปิดบังประชาชนตั้งแต่แรกและแอบกระทำเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ซึ่งการทำพาสปอร์ต้องมีการร้องขอจากเจ้าตัว แสดงให้เห็นว่ายังขัดแย้งในตัวเองอยู่ เพราะเจ้าตัวร้องขอแต่นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ บอกพ.ต.ท.ทักษิณไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ทราบเรื่องแล้วจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ ซึ่งต้องออกมายืนยันว่าทำถูกหรือทำผิด ส่วนการออกมายืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่ภายใต้กรองกฎหมายนั้น หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมายืนยันว่าทำถูกต้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ
สำหรับเหตุการณ์ระเบิดในกทม.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดี และเรื่องนี้ทั้งหมดเป็นการพูด เป็นการดำเนินการในฝ่ายของรัฐบาลทั้งสิ้น
รองนายกฯบางคนก็ออกมาพยากรณ์ว่าจะมีอย่างนั้นอย่างนี้แล้วก็มีการจับกุม สุดท้ายตอนนี้ก็สับสน พยายามวาดภาพว่า เป็นฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล แต่มีข้อมูลออกมาว่าเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง ทั้งหมดคิดว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่า จริงๆแล้วสถานการณ์คืออะไร ไม่อยากให้นักเล่านิทานเป็นนักสร้างละคร สร้างละครไปด้วย