เทพเทือก แฉหลักฐาน ธรรมรักษ์-เพ้ง-มิ้ง สุมหัวโกงเลือกตั้ง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2549 14:57 น.
สุเทพ แฉหลักฐาน ธรรมรักษ์-พงษ์ศักดิ์-พรหมินทร์ สมคบกันวางแผนชั่วทุจริตเลือกตั้ง จ้างผู้สมัครกำมะลอตั้งแต่หัวละ 1 แสนถึง 3 ล้าน มี จนท.กกต.เป็นตัวช่วย เจาะฐานข้อมูลลึกของ กกต.กลาง แก้ไขข้อมูลสมาชิกพรรคให้อย่างแนบเนียน เชื่อมีไฟเขียวจากระดับบิ๊กสั่งการ พร้อมท้าให้รีบฟ้องก่อนวันเลือกตั้ง
วันนี้ (16 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแถลงข่าวพร้อมกับคณะทำงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคว่า จากการหาข้อมูลของคณะทำงานได้พบหลักฐานชัดเจนถึงพฤติกรรมและขบวนการการทุจริตการเลือกตั้ง ที่ทรงอิทธิพลที่แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐและองค์กรอิสระ แสดงให้เห็นถึงระบอบทักษิณเข้าไปชอนไชในทุกองค์กร โดยเฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า จากพยานหลักฐานที่ตนเองมีพบว่า มีผู้บริหารพรรคไทยรักไทยในตำแหน่งสำคัญอย่างน้อย 3 คน คือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ในฐานะประธานการเลือกตั้งภาคอีสาน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ 2.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม และรองเลขาธิการพรรค และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขานุการนายกรัฐมนตรี โดยมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นผู้บงการ สั่งการ กำกับ ข่มขู่และจ่ายเงินให้ขบวนการทุจริตการเลือกตั้งเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
คนเหล่านี้ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยได้กำหนดแนวทางให้พรรคเล็กพรรคน้อยไปจัดเตรียมหาผู้สมัครลงสมัครในทุกภาคของประเทศ ที่เกรงว่า ไทยรักไทยจะไม่ได้เสียงครบร้อยละ 20 โดยว่าจ้างในอัตราหัวละ 1 แสน ถึง 3 ล้านบาท โดยคนที่เป็นไม้ประดับจะได้ 1 แสนบาท คนที่มีชื่อเสียงเคยลงสมัครหรือเป็นนักเคลื่อนไหวจะได้ 3แสนบาท คนที่ดูมีแววจะได้ 5 แสนบาท ส่วนคนที่มีโอกาสได้เป็นผู้แทนจะได้ 1 ล้านบาท และผู้ที่ชนะแน่ๆ ได้ 3 ล้านบาท โดยผมมีหลักฐานยืนยันถึงพฤติกรรมเหล่านี้ชัดเจน ทั้งการสั่งการ จ้างวานการโอนเงิน จากผู้บริหารทั้งสาม โดยตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่สะพานควาย ตั้งแต่วันที่ 2-9 มี.ค.โดยใช้โรงแรมลิเบอร์ตี้ โรงแรมมิโด้ และโรงแรมกาญจน์มณี โดยมีคนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ เข้าไปกำกับ และคนสนิทของ นพ.พรหมินทร์ ถือเงินไปจ่าย หมุนเวียนเดินเข้าออกกำกับการแสดงทั้งหมด และขบวนการนี้เกิดขึ้นทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และ กทม.
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากจะใช้เงินแล้วยังใช้อิทธิพลข่มขู่เจ้าหน้าที่ทุกระดับในองค์กรอิสระถึงขนาดสร้างหลักฐานปลอม ที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง เพื่อให้ดูสมจริงสมจังคุณสมบัติถูกต้องจนลงสมัคร สร้างหลักฐานลึกจนขนาดเข้าไปเจาะฐานข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของ กกต.ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ของ กกต.ให้ความร่วมมือตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมการแก้ไขปลอมแปลงเอกสาร ปกปิดความผิดภายหลังการกระทำ ถ้าไม่เจาะลึกจะดูสมจริงสมจังรอดพ้นจากการตรวจสอบของ กกต.เขต และ กกต.จังหวัดได้ เช่น เอาชื่อคนที่ไม่มีคุณสมบัติครบไปสวมชื่อคนที่เป็นสมาชิกพรรคที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ เมื่อ กกต.ตรวจสอบและตัดสิทธิผู้สมัครก็พยายามวิ่งเต้นสร้างหลักฐานเท็จเพื่อนำไปสู่การพิจารณาของศาลเพื่อแก้คำตัดสินของ กกต.
ผมเชื่อว่า ถ้าไม่มีผู้สั่งการระดับสูงจาก กกต.เจ้าหน้าที่ต้องกล้าหาญมาก แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวเจ้าหน้าที่ เพราะเกรงจะถูกจับเป็นแพะบูชายัญ เพื่อให้ผู้ใหญ่รอด พล.อ.ธรรมรักษ์ ถึงขนาดสั่งการ ว่า บางพื้นที่ต้องให้ผู้สมัครพรรคเล็กพรรคน้อยได้เป็นผู้แทน มีวิธีการที่ทำได้ และเคยทำมาแล้วในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และทำได้อย่างสมจริงสมจัง ถึงขนาดจะให้เป็นกรรมาธิการชุดต่างๆ ด้วย โดยยกตัวอย่างบางคำพูดของ พล.อ.ธรรมรักษ์ ที่บอกว่า... เลี้ยงทหารๆ เลวไว้แล้วไม่ปกป้องนายก็ไม่มีประโยชน์ ในบรรดาพรรคเล็กๆ ถ้าใครมีแววเราอัดให้เต็มที่... ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานที่คณะทำงานยึดมาได้ ที่ดูแล้วเชื่อมั่นว่ามีน้ำหนักเพียงพอ ผมอยากให้ทั้ง 3 คนรีบฟ้องเดี๋ยวนี้เลย เพื่อจะได้นำหลักฐานเหล่านี้ไปพิสูจน์ในศาล และให้รีบตัดสินโดยเร็ว ก่อนถึงวันเลือกตั้ง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พวกเรากำลังปรึกษากันว่าจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปร้องเรียนที่ใครได้บ้าง เพราะหากจะไปร้องเรียนรัฐบาล ก็มีคนระดับถึง รมว.กลาโหม ระดับเลขานายกฯ มาบงการเอง แต่ก็อยากจะนำหลักฐานทั้งหมดนี้ไปมอบให้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ดู เพราะถ้าเห็นแล้วต้องตกใจ แต่จะให้มอบหลักฐานทั้งหมดเลยก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่แน่ใจว่าเวลานี้เกิดอะไรขึ้นกับ กกต.ชุดนี้บ้าง และกำลังดูว่าขบวนการนี้เชื่อโยงกับ กกต.กลางหรือไม่เพราะการจะเจาะฐานข้อมูลเข้าไปได้จะต้องมีคำสั่งจากระดับสูงมากๆ แต่ก็เร็วเกินไปที่ตนจะกล่าวหา จึงขอเอาใจช่วย กกต.ให้เป็นองค์กรอิสระจริงๆ เพราะข้อมูลที่พบมาแสดงให้เห็นว่าระบบทักษิณได้เจาะชอนไชลงไปแล้ว เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก อีกทั้งจะต้องกันเจ้าหน้าที่ที่ให้ข้อมูลไว้เป็นพยาน ซึ่งที่มาให้ข้อมูลพวกตน เพราะรู้สึกกดดันและกลัวความผิด กลัวตายด้วยเหตุผลที่ว่าจะถูกฆ่าปิดปาก เพราะขณะนี้มีคนคอยคิดตามตลอดเวลา จึงหลบหนีมาขอความคุ้มครองพวกตน หากเปิดเผยตอนนี้เกรงว่าอาจจะไม่มีชีวิตรอดไปถึงวันขึ้นศาล
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ยืนยันว่า การนำหลักฐานมาเปิดโปงไม่ใช่เพื่อหวังคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ต้องการทำให้เกิดความรู้สึกและความชัดเจนกับประชาชนว่า ควรจะมีการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง เพราะหากปล่อยให้ระบบเป็นอย่างนี้ต่อไปกลไกก็จะแย่ ดังนั้น พวกตนจะเดินหน้าให้ถึงที่สุดจะต้องช่วยกันอุดช่องโหว่ไม่ให้ระบอบประชาธิปไตยถูกบิดเบือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวนายสุเทพได้หอบเอกสารเป็นแฟ้มใหญ่มาแสดงประกอบการแถลง พร้อมกับระบุว่า หลักฐานที่มีอยู่ในมือมีทั้งเอกสารการจ่ายโอนเงิน เทปบันทึกเสียง และภาพนิ่ง ซึ่งได้มาจากการให้คนไปคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด