นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถุึง การจัดงบประมาณปี 2555 กรณีที่มีการตัดงบประมาณแต่ละกระทรวงลง 10 % เพื่อนำมาแก้ปัญหาน้ำท่วมว่า
หากได้พิจารณาปรับลดงบประมาณตามเหตุตามผล มากกว่าที่จะให้แต่ละกระทรวงลด 10 % จะจัดงบประมาณได้เหมาะสมกว่านี้ เพราะเรื่องความปลอดภัยของภาคใต้ ปัญหาการรักษาพยาบาล การศึกษา ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจหรือน้ำท่วม จะไม่ถูกกระทบในส่วนนี้ ขอให้รัฐบาลใจกว้างเติมงบประมาณเหล่านี้คืนให้ลูกหลานของเรา ไม่ว่าจะรักษาพยาบาลหรือที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และที่สำคัญยังไม่เห็นรัฐบาลทบทวนในสิ่งที่เป็นนโยบายหลักในการฟื้นชีวิตของคนไทยหลังน้ำท่วม แน่นอนเงินชดเชยเยียวยา ซึ่งรัฐบาลนี้ทำต่อจากรัฐบาลที่แล้ว เช่นเรื่อง 5 พันบาท แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งฟื้นชีวิตให้ประชาชนกลับไปเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะมีหลายคนที่สูญเสียมากเป็นหลายเท่าของเงินที่ได้รับชดเชย และที่ผานมาไม่ว่าน้ำท่วมกี่ครั้งก็ไม่กระทบกระบวนการผลิตเท่าครั้งนี้ จะมีคนตกงานมากมาย เพราะฉะนั้นวันนี้ยุทธศาสตร์ของการจัดสรรงบประมาณต้องมุ่งไปที่การพัฒนาชีวิตให้คนมีงานทำ มีรายได้ควบคู่ไปกับการฟื้นความเชื่อมั่นในเรื่องการลงทุน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมคิดว่ารัฐบาลต้องทบทวน 3 เรื่อง แต่บางเรื่องผมก็เห็นว่าไม่ต้องทบทวน เช่น ค่าแรง 300 บาท หรือ เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ทำไปเลยเพื่อรักษากำลังซิ้อ แต่การใช้งบ 30,000 ล้านบาทในเรื่องรถยนต์คันแรก เอาเงินไปช่วยเรื่องจ้างแรงงานดีกว่าหรือไม่
การตัดสินใจลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 1 ม.ค. 55 ชัดเจนแล้วว่าให้ในเรื่องการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่การให้ขณะนี้ไม่แน่ใจว่ากลุ่มที่ได้ประโยชน์จริงๆจะตรงกับความต้องการของประเทศขณะนี้หรือไม่ เพราะกลุ่มได้ประโยชน์คือ พลังงาน โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ เมื่อตัวเลขออกมาว่าจากนโยบายนี้จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ไป 55,000 ล้านบาท ผมคิดว่าเรามาช่วยทำโครงการเพื่อจ้างงานประชาชนจะดีกว่า หรือถ้าจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีก็น่าจะทำเป็นโครงการให้สิทธิประโยชน์แก่คนที่ไม่เลิกจ้างงาน เพราะวันนี้เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะใช้เงินอย่างไรก็ได้แล้ว
งบประมาณเกี่ยวกับน้ำท่วมใช้วิธีนำเงินไปกองไว้ที่งบกลาง 1.2 แสนล้านบาท ความจริงงบกลางที่ใช้สำรองฉุกเฉินก็มีการเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว เรื่องงบกลางเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ผมมีโอกาสไปทำงานก็เห็นว่างบกลางจำเป็น แต่งบกลางเป็นงบที่ตรวจสอบยาก และไม่มีโอกาสที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้แทนของประชาชนก็คือรัฐสภา