การประสานงานกัน "ภายใน" ของรัฐบาลก็มีปัญหา เรื่องการโยนกลองการเปิดประตูระบายน้ำไปยังแม่น้ำท่าจีน หรือระบายน้ำผ่านพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และฝั่งตะวันตกของ กทม.
กระทั่งล่าสุดกระแส "ปรับ ครม." อย่างเก้าอี้ "รมว.เกษตรและสหกรณ์" ของพรรคชาติไทยพัฒา และ "รมว. อุตสาหกรรม" ของ "พรรคชาติพัฒนา" กลับทำท่าจะแซงกระแสน้ำท่วม มีการยุให้ยึดเก้าอี้ รมว.เกษตรฯคืน ด้วยข้ออ้างเพื่อเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยได้เข้าบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ปล่อยข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไม่พอใจการทำงานของ "กรมชลประทาน" โดยเฉพาะพุ่งเป้ามาที่ ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ อดีตลูกหม้อกรมชลฯ และรวมถึงอธิบดีกรมชลฯคนปัจจุบัน ด้วยข้อครหา "ปกปิดข้อมูลน้ำ" แถมเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำผิดพลาดหลายครั้งหลายหน
จนเป็นเหตุให้ "รัฐบาล" ตัดสินใจแก้ไขปัญหาผิดทิศผิดทาง จนกระทบกระเทือนต่อความนิยม "รัฐบาลเพื่อไทย" และ "น.ส.ยิ่งลักษณ์"
พร้อมกับปล่อยให้ "ส.ส." และ "แกนนำพรรคเพื่อไทย" ออกมาบีบ "ชาติไทยพัฒนา" ให้คาย "กระทรวงเกษตรฯ" กลับมาให้พรรคแกนนำรัฐบาล
สภาพการณ์ขณะนี้ดูเหมือนว่าน้ำยิ่งท่วม กทม.มากเท่าไหร่ "เพื่อไทย" ยิ่งต้องพูดให้ชัดว่า "กรมชลประทาน-กระทรวงเกษตรฯ-ชาติไทยพัฒนา" คือ "เป้าหมายหลัก" ที่จะถูก "บูชายัญ" .. ส่งสัญญาณกันตรงๆ "กรมชลฯ" คือต้นเหตุของวิกฤตน้ำท่วม ??
ทั้งที่จริงแล้ว ทั้งหมดทั้งปวงล้วนอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ "นายกรัฐมนตรี" ทั้งสิ้น
การโยนให้ "ผู้เกี่ยวข้อง" รับเผือกร้อนไปเต็มๆ ก็เพื่อ "เบี่ยงกระแส" ที่สังคมกำลังตั้งคำถามถึง "นายกฯยิ่งลักษณ์" ให้ไปอยู่ที่กรมชลประทานแทน หรือว่างานนี้กำลังค้นหา "แพะรับบาป" มหาอุทกภัย ?!
เบื้องต้นกระแส "ปรับ ครม." สามารถเบียดชิงพื้นที่ข่าว "น้ำท่วมกรุง" ได้บ้าง พร้อมๆ กลับไปตั้งคำถามถึงการทำงานของกรมชลฯด้วยอีกต่างหาก เหมือนกับที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เด้งรับลูกทันควันว่าเตรียม "ตรวจสอบ" กรมชลฯ กรณีใช้จ่ายงบบริหารจัดการน้ำย้อนหลังไป 5 ปี
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจทางการเมืองใดๆ ที่จะกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้นใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ แม้พรรคเพื่อไทยพรรคเดียวจะมี ส.ส.ถึง 265 คน ถือว่ามีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่ง (250 เสียง) แค่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าประชุมกันพร้อมเพรียงก็หมดปัญหาเรื่ององค์ประชุมแล้ว
แต่หากมองในระยะยาว 19 เสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งถือว่าเป็น "พรรคร่วมอันดับหนึ่ง" ก็มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาลไม่ใช่น้อย อีกทั้ง "พ.ต.ท.ทักษิณ" ได้เรียนรู้มาแล้วจากเหตุการณ์ "สลับขั้วการเมือง" และ "งูเห่าเพื่อนเนวิน" ที่ยกพลไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ "พรรคประชาธิปัตย์" ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างที่เจ็บปวดมาแล้ว
จึงเป็นไปได้ยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ "นายใหญ่" จะหักหาญน้ำใจ "บิ๊กเติ้ง" ด้วยการริบเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ คืนมา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการ "ทำลายแนวร่วม" ทางการเมืองของตัวเองแบบไร้เหตุผลแล้ว ยังไม่สามารถอธิบายได้ทางการเมือง
จึงเป็นไปได้สูงว่าจากวันน้ำท่วมจวบจนวันน้ำลด ก็อาจจะไม่มีการปรับ ครม. แลก-ริบกระทรวง ..เป็นแต่เพียงปั่นกระแส "แพะอุทกภัย" เพื่อสร้างโอกาสท่ามกลางวิกฤตให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยเท่านั้น