‘บิ๊กอ๊อด’ชี้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ขึ้นกับนายกฯ

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภากลาโหมถึงการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมว่า

ขณะนี้เราใช้กำลังทหารทั้งหมด สำหรับพื้นที่ที่จะเป็นช่องโหว่ โดยเรามีทหารเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีการรายงานพนังกั้นน้ำแตก เพียงแค่น้ำล้นเขื่อน เพราะจำนวนน้ำมาก อย่างไรก็ตามเรายังรักษาพนังกั้นน้ำที่หลักหกไว้ได้ ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดที่น้ำจะเข้ากทม. ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านพยายามพังพนังกั้นน้ำทางตะวันออก ศปภ.ได้ติดต่อมาทางตน เพื่อขอให้ผบ.ทบ.ส่งสารวัตรทหารไป่ช่วยตำรวจดูแลพื้นที่ เพราะตำรวจไม่สามารถห้ามประชาชนที่มารื้อพนังกั้นน้ำได้ ซึ่งตนได้นำสารวัตรทหารไปเสริมกำลังตำรวจเพื่อรักษาพนังกั้นน้ำ ซึ่งในการประชุมวันนี้จะมีการวางแผนที่จะไปดูสถานที่สำคัญที่เคยวางแผนไว้แต่ยังไม่ได้ปรับแผน รวมทั้งการประสานงานกับผู้ที่รับผิดชอบในสถานที่ต่างๆเหล่านั้น

 ส่วนโรงพยาบาลศิริราชเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากอธิการบดีโรงพยาบาลศิริราช โดยท่านได้ชี้แจงถึงการเตรียมการป้องกัน

ส่วนทหารได้ชี้แจงในส่วนที่จะดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนโทรศัพท์เพื่อง่ายต่อการประสานงานได้ทันที 24 ชั่วโมง หากต้องใช้กำลังทหารไปเสริมตรงจุดไหน ซึ่งถือเป็นการปรับแผนและเป็นการประสานงาน ซึ่งวันนี้จะทำให้เสร็จตามภารกิจที่กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบ ส่วนเรื่องแนวพนังกั้นน้ำโรงพยาบาลศิริราชที่มีอยู่ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. เวลา 15.00 น. น้ำยังไม่ถึงพนังกั้นน้ำ โดยกองทัพเรือสามารถเสริมแนวกระสอบทราย ซึ่งในโรงพยาบาลศิริราชเราแบ่งพื้นที่เป็นโซนๆ โดยให้กองทัพบก กองทัพเรือ และกทม.แบ่งกันรับผิดชอบ ซึ่งดูแล้วระดับน้ำยังไม่สูงที่จะพ้นคันเขื่อน

 ส่วนพระบรมมหาราชวังนั้น เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 ต.ค. น้ำขึ้นและท่วมแค่ข้อเท้า จากนั้นน้ำก็ลด
 
หากเป็นอย่างนี้ เราจะสามารถรักษาพระบรมมหาราชวังได้ ส่วนจะย้ายศปภ.มาอยู่ที่สโมสรทหารบกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ว่าจะพิจารณาย้ายหรือไม่ และหากย้ายจะย้ายไปที่ไหน สำหรับสโมสรทหารบก เป็นศูนย์ปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยของกองทัพบก ถ้าจะย้ายมาใช้ที่เดียวกัน คงไม่มีอะไรขัดข้อง แต่ข่าวว่าจะย้ายไปอยู่ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่า จะพิจารณาเลือกตรงไหน ส่วนจะมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลพิจารณา เรามีหน้าที่แค่ปฏิบัติตามคำสั่ง