3 ไม่ของยิ่งลักษณ์ ไม่ย้ายศปภ. -ไม่มีเรื่องของการเมือง -ไม่กลัวเสียหน้า

วันนี้ ( 23 ต.ค. 54 ) เวลา 16 . 00 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำและแนวคันกันน้ำบริเวณท่าราชวรดิษฐ์และโรงพยาบาลศิริราช ว่า ทางโรงพยาบาลศิริราชค่อนข้างมีความพร้อม เพราะมีแนวระดับน้ำทะเลไว้ว่า ถ้ามีระดับนี้แผนขั้นที่ 1 จะทำอย่างไร แผนขั้นที่ 2 ทำอย่างไร ถือว่าเป็นโมเดลที่ดี อาจจะให้ไปประยุกต์ใช้กับส่วนอื่น ๆ ด้วย เชื่อว่าถ้าดูจากแนวแล้วมีการป้องกันทั้งแนวข้างนอกประมาณ 3 เมตร และกองทัพเรือทำคันกั้นชั้นในในจุดที่สำคัญอีก 3.50 เมตรก็น่าจะสบายใจได้ โดยจะไปดูขยายผลส่วนอื่น ๆ ต่อไปว่าแต่ละจุดมีการดูแลกันอย่างไร มีความแข็งแรงหรือไม่


ส่วนขณะนี้ยังมีจุดอื่นใดที่ยังน่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงจะเป็นจุดหลัก มากกว่า
 
จุดสถานที่สำคัญได้พยายามให้ทุกกระทรวงรักษาในส่วนของตัวเอง วันนี้ทุกกระทรวงได้มีการดูแลและกำกับอีกชั้นหนึ่ง และถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ทาง ศปภ. ก็จะให้ความร่วมมือไป แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีความเป็นห่วงในส่วนของการดูแลที่มีผลกระทบกับประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของบานประตูระบายน้ำต่าง ๆ ที่เป็นจุดหลัก เช่น ฝั่งที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งด้านของกรุงเทพฯ ที่ไหลมาเข้าแนวคันพระราชดำริคือ ฝั่งประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์และสายไหม ทั้งนี้ ที่เขตสายไหมมีปริมาณน้ำรั่วซึมจริงแต่ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบไปยังพื้นที่แล้ว ยังมีความพยายามในการป้องกันดูแลแนวคันกั้นน้ำนั้นอยู่


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบริเวณพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ว่า

จุดหนักสุดน่าจะอยู่ฝั่งตะวันออกเพราะเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำด้วย และน้ำจากทางรังสิตค่อนข้างมีปริมาณสูง ส่วนบริเวณรามคำแหงก็เป็นพื้นที่ต่ำแต่จะอยู่ใกล้กับการระบายน้ำของทางกรุงเทพมหานคร คิดว่าถ้าทางกรุงเทพมหานครระดมสูบน้ำก็น่าจะบรรเทาทุเลาลงไปได้ ขณะที่พื้นที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ จะกินบริเวณกว้างแค่ไหน ก็อยากให้ดูในส่วนที่ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.)ได้ชี้แจงเมื่อวานนี้เกี่ยวกับจะมีพื้นที่บางส่วนที่ได้มีการประกาศไปก็จะเป็นบริเวณนั้นมากกว่า ส่วนในบริเวณอื่นคงจะไม่มาก


ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าพื้นที่เศรษฐกิจเช่นบริเวณสีลมจะยังไม่ถูกน้ำท่วม เพราะได้พยายามป้องกันทุกส่วน อีกทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ ชั้นในจะเป็นส่วนที่ติดอยู่ตามขอบแนว ที่เป็นรอยต่อของแม่น้ำ และตามแนวของประตูระบายน้ำที่มีการกั้นไว้ จึงอยากให้สังเกตดูตามแนวคันกั้นน้ำว่าเป็นอย่างไร ถ้าระดับน้ำทะเลขึ้นหนุนสูงใกล้ ๆ กับระดับแนวคันกั้นน้ำตรงนั้นจะเป็นปัญหา ดังนั้นขอให้ประชาชนได้ช่วยดูแลตรวจตรารักษาตามแนวพนังกั้นน้ำด้วย เพราะถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งรั่วหรือแตกสลาย พัง หรือถูกดึงออกไป อาจส่งผลให้น้ำทะลักเข้ามาได้


3 ไม่ของยิ่งลักษณ์ ไม่ย้ายศปภ. -ไม่มีเรื่องของการเมือง -ไม่กลัวเสียหน้า


ส่วนการย้ายศูนย์บัญชาการ ศปภ. ไปอยู่สถานที่อื่นเนื่องจากเห็นว่าน้ำท่วมสูงขึ้นโดยเฉพาะที่ บริเวณด้านหน้าดอนเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะขอดูอีกทีเพราะในส่วนของศูนย์ ศปภ. อยากให้ย้ายในส่วนของผู้พักอยู่อาศัยให้หมดก่อน ถ้าศูนย์ฯ ไปก่อนก็ยังมีความเป็นห่วงผู้ที่พักอยู่ที่นี่ ทั้งนี้ ศปภ. ทำงานอยู่ที่ชั้น 2 ในแง่ของการทำงานคงไม่มีปัญหา แต่อาจมีปัญหาสำหรับเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงาน อาจมีการจัดที่พักไว้ให้สำหรับเจ้าหน้าที่ และวันนี้ยังใช้ทางโทลล์เวย์ได้อยู่


"จะบอกว่าไม่ว่าน้ำขึ้นอย่างไร ชั้น 2 ของ ศปภ. ทำงานได้เว้นแต่เจ้าหน้าที่ที่อาจจะเข้ามาลำบาก ซึ่งเดี๋ยวจะได้ไปดูเรื่องการจราจรในการรับส่งเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงานที่นี่ และจะให้ไปสำรวจเส้นทางโดยอาจจะให้มีจุดจอดรถรวมกันแล้วมีรถบริการรับ-ส่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานที่ ศปภ และอีกโมเดลหนึ่งเราก็มองแม้กระทั่งการทำงานแบบใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับแต่ละที่ก็สามารถทำได้ หากมีการย้ายไปอีกจุดหนึ่งจะใช้เวลาในการติดตั้งระบบ 1-2 วัน อาจจะคิดควบคู่กันไปได้ ขณะที่การประสานกับบางหน่วยงานที่ได้ย้ายออกไปแล้วก็ยังสามารถทำได้เช่นเดิม ส่วนที่บอกว่าหาที่สำรองไว้ก็เป็นการหาสำรองแต่ ศูนย์หลักยังทำงานอยู่ " นายกรัฐมนตรี กล่าว


อย่างไรก็ตาม นายรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่ไม่ย้ายศูนย์ฯ ไม่มีเรื่องของการเมืองและไม่กลัวเสียหน้า แต่เนื่องจากการย้ายจะต้องไปหาที่ที่ย้ายแล้วทำงานได้ เป็นสถานที่ที่ทุกคนเข้ามาได้สะดวก รวมทั้งการย้ายจะต้องใช้เวลาติดตั้งต่าง ๆ ดังนั้นต้องคิดให้รอบคอบ วันนี้ศูนย์ ศปภ. อยู่ชั้น 2 จึงไม่กระทบ แต่อาจกระทบเรื่องการเดินทางเข้ามาทำงานบ้าง


สำหรับในส่วนของผู้อพยพที่ยังไม่ย้ายออกจาก ศปภ. จะทำอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าวันนี้ก็ดีขึ้น จากจำนวน 2,000 คน

ได้อพยพไปต่างจังหวัด 1,000 คน และคิดว่าจะอพยพได้หมดในวันพรุ่งนี้ และปิดศูนย์ผู้อพยพ แต่อาจมีผู้อพยพเหลืออยู่บางส่วนเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็น แต่จะเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่จะสำรองไว้สำหรับทำงานที่ศูนย์ก่อนจนกว่าจะดูพื้นที่อื่นต่อไป


พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ได้ประกาศให้ 27 -31 วันหยุดยาว ว่า ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ

อยากให้ไปใช้ชีวิตพักผ่อนช่วงวันหยุดนี้ที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้การดูแลต่าง ๆ มีความปลอดภัย เพราะเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูง สำหรับประชาชนที่ยังอยู่ในกรุงเทพมหานครก็จะได้จัดการยกของมีค่าต่าง ๆ ขึ้นสู่ที่สูง แต่ไม่แนะนำสำหรับพื้นที่ที่อยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมขังสูงโดยเฉพาะบ้านชั้นเดียว เพราะหากน้ำเข้าบ้านอาจจะมีการตัดระบบไฟฟ้าทำให้เข้าไปดูแลประชาชนได้ยากลำบากรวมถึงการดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย หากเป็นบ้านสองชั้นจะขึ้นไปอยู่ชั้นสองได้ แต่การเดินทางอาจต้องเดินทางโดยทางเรือ


ส่วนที่มีกระแสข่าวกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะบีบให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่น้ำอาจจะท่วมสูงและอาศัยอยู่บ้านชั้นเดียวออกจากพื้นที่ด้วยวิธีการตัดน้ำตัดไฟ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ ยังไม่ทราบนโยบายของกทม. จริง ๆ แล้วแผนการอพยพต่าง ๆ กทม. จะเป็นหลัก รัฐบาลร่วมทำงานกับกทม. และให้การสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามต้องแล้วแต่วิธี เพราะต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ ถ้าพื้นที่ที่มีน้ำท่วมสูงประมาณเมตรกว่าและมีผู้สูงอายุอยู่ก็น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับระบบการดูแลบริการพี่น้องประชาชน เพราะข้อเท็จจริงที่ได้ประสบในต่างจังหวัดคือมีประชาชนจำนวนมากไม่ยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดอาจจะต่างกับคนกรุงเทพฯ เพราะมีความเคยชินในการใช้เรือเดินทางสัญจรไปมา ถ้าได้มีการดูแลเรื่องเรือ อาหารเครื่องดื่มที่จำเป็น ก็จะอยู่ได้


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์