การเมืองใต้กระแสน้ำ เพื่อไทยติดกับดักตัวเอง

มติชน  26 ตุลาคม 2554

"ถ้าเป็น ส.ส.และข้าราชการการเมืองที่เป็นแกนนำเสื้อแดง

สามารถเบิกจ่ายถุงยังชีพได้ถึงคนละ 5,000 ถุง

แถมมีรถจัดส่งถึงที่หมายด้วย"


 

ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็น "ประสิทธิภาพ" ของกระแสการเมืองที่อยู่เหนือกระแสน้ำท่วม และเป้าหมายของการติเตียนและติติงว่า "ล้มเหลว" ในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าก็คือรัฐบาล

วันนี้เสียงผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนเพราะน้ำท่วมขังเริ่มขยับเข้ามาส่งเสียงดังใกล้หูรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เต็มที หลังจากผู้รับผิดชอบได้ออกประกาศเตือนและแถลงการณ์ นับถอยวัน "กระจายความทุกข์" ให้คนเมืองกรุงได้สัมผัสกับบรรยากาศน้ำท่วมกันแล้ว

ขณะที่ชายฉกรรจ์ผมเกรียนเรือนพันเรือนหมื่นนายจากเหล่าทัพต่างๆ กำลังขะมักเขม้นในการกรอก-ขนกระสอบทรายสร้างแนวกั้นน้ำ ขับรถยีเอ็มซีคันโตออกตระเวนรับผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในบ้านพัก ...ปรากฏว่าบรรดานักการเมืองที่ชูมือหรา หาเสียงว่าจะขออาสา "บำบัดทุกข์บำรุงสุข" ให้ประชาชนเพื่อแลกคะแนนเสียง ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลับใช้ "คำพูด" ทำงานแทนเสียมากกว่า

และเมื่อสถานการณ์เมืองกรุงใกล้จะจมอยู่ในบาดาลเหมือนจังหวัดตอนบนอื่นๆ ที่ประสบมาแล้ว ก็ยิ่งเห็น "ตัวจริง" ของผู้แทนมากขึ้น !!


การเมืองใต้กระแสน้ำ เพื่อไทยติดกับดักตัวเอง


พักเรื่องปัญหาต่างคนต่างชี้นิ้ว "โทษกันไปมา" ระหว่างรัฐบาลกลางของพรรคเพื่อไทย กับการทำงานในแนว "ปะทะ" มากกว่า "ประสาน" ของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ใต้ปีกของพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดเรื่องนี้ย่อมพิสูจน์ได้ด้วยวลี "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา"

แต่สำหรับปัญหาเฉพาะหน้าและมีความเร่งด่วนมากถึงมากที่สุดในการเยียวยาผู้ประสบภัยที่ในเบื้องต้นที่ยังติดอยู่บ้านพักของตัวเอง ขาดแคลนเครื่องใช้อุปโภคบริโภคทุกประการ และแถมยังมี "ขโมยขึ้นบ้าน" เป็นอีกภัยหนึ่งที่มาจากมือมนุษย์ที่มาซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีกนั้น

กลับพบว่าการขับเคลื่อนเข้าคลี่คลายปัญหากลับเป็นว่า "ไร้กระบวนท่า"

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ หากเป็นเขตหรือชุมชนที่ "ผู้แทน" อยู่ในอำนาจ ไม่ใช่พวก "ส.ต.หรือสอบตก" ก็จะได้รับการดูแลที่รวดเร็วกว่า พร้อมกับมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ครบครันมากกว่า ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเสียงสะท้อนของ ส.ต.หลายคน ออกมาบ่นแกมตัดพ้อกับแกนนำชุมชนในพื้นที่น้ำท่วมว่าถ้าเป็น ส.ส.ก็คงช่วยได้มากกว่านี้

ขณะเดียวกันในหมู่ของพรรคร่วมรัฐบาล หรือภายในพรรคเดียวกันก็มี "ปัญหาเชิงซ้อน" ขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นจากการกระทบกระเทียบของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลที่พาดพิงถึง "ผู้มีอิทธิพล" เหนือกรมชลประทาน ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวในการพร่องน้ำลงทะเล

และล่าสุดภายในพรรคเพื่อไทยก็เกิดอาการ "ฝีแตก" อันเนื่องมาจากการได้รับปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่าง ส.ส.เพื่อไทย ค่ายเสื้อแดง กับ ส.ส.เพื่อไทยเกิดขึ้น

ที่ ศปภ. ท่าอากาศยานดอนเมือง มีสิ่งของ เครื่องใช้ที่จำเป็นซึ่ง ศปภ.ได้รับบริจาคมาจำนวนมาก แม้จะมีการทยอยนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยแล้ว แต่ที่เห็นด้วยสายตาก็ยังมีเรือและสิ่งของที่จำเป็นวางกองอยู่พร้อมกับเขียนชื่อ "ผู้จอง" ไว้เสร็จสรรพ

"ฉลอง เรี่ยวแรง" ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม มีชาวบ้านเดือดร้อนรอคอยความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ได้ไปติดต่อขอเบิกสิ่งของไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ ศปภ. โดยได้ถุงยังชีพ 500 ถุง จากที่ขอไป 2 พันถุง

ในชั้นแรกอาจจะเข้าใจได้ว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องกระจายความช่วยเหลือไปในที่ต่างๆด้วย เพียงข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนี้ เพราะ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทยผู้นี้ ระบายความอึดอัดใจว่า ถ้าเป็น ส.ส.และข้าราชการการเมืองที่เป็นแกนนำเสื้อแดงสามารถเบิกจ่ายถุงยังชีพได้ถึงคนละ 5,000 ถุง แถมมีรถจัดส่งถึงที่หมายด้วย

"ทุกวันนี้ผมไม่รู้ว่าเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือพรรคเสื้อแดงกันแน่" เป็นคำกล่าวของ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ชื่อ "ฉลอง เรี่ยวแรง"

ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพาดพิงถึงการดูแล "เสื้อแดง" ดีกว่าคนอื่นๆ เพราะตั้งแต่กระจายตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่คนเสื้อแดงได้ปูนบำเหน็จ มาจนถึงการดูแลผู้ประสบภัยก็ยังมีการยืนยันว่าดูแลดีกว่า

พรรคประชาธิปัตย์เคยกระทุ้งรัฐบาลว่าอย่าดูแลเฉพาะคนเสื้อแดง ขอให้กระจายไปยังคนกลุ่มอื่นด้วย ก็ถูกสวนกลับว่า "เล่นการเมือง" บนความเดือดร้อนของประชาชน กับครั้งนี้ที่คนใน "พรรคเสื้อแดง" ออกมาพูดเอง แกนนำพรรคไทยคงหาข้อแก้ตัวลำบาก


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์