ยิ่งลักษณ์จี้กรมชลฯหาทางปิดประตูระบายน้ำ
ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ศปภ. ท่าอากาศยานดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงกรณีที่สถานการณ์น้ำท่วมที่ขยายเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ว่า ในแง่ประตูคลองหนึ่งใช้กฎหมาย และเห็นว่า มาตรา 31 ในพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยถือว่า สูงสุดแล้วในการเข้าไปเคลียร์พื้นที่ พร้อมกันนี้ยังได้ระดมตำรวจเข้าไปพื้นที่กว่า 100 นาย ประชาชนก็ออกจากพื้นที่แล้ว แต่กลับไปติดตรงเทคนิคของกรมชลประทาน ประตูระบายน้ำปิดไม่ได้ เพราะน้ำสูงและเชี่ยวมาก อาจทำให้ประตูพัง แต่วันนี้เราไม่ยอมแพ้ โดยให้ทางกรมชลฯ หาทางเร่งรัดปิดประตูให้ได้ อย่างพื้นที่เซียร์รังสิตที่แตก เราไม่สามารถเอาเครื่องมือไปซ่อมได้ เพราะวันนี้น้ำเข้าไปท่วมเยอะ ปัญหาน้ำไม่ได้เป็นที่จังหวัดเดียวเราดูแลมา 3-4 เดือนแล้ว บางส่วนเข้ามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และเจอพายุ 4 ลูกติดต่อกัน โดยปกติแล้วเจอพายุลูกหนึ่งก็จะถูกระบายผ่านเขื่อน และมีช่วงพักในการระบายน้ำ แต่วันนี้ไม่ใช่ เจอลูกหนึ่งก็เก็บไว้ๆ และเจออีกหลายลูกก็ยังเก็บต่ออีกกลายเป็นปริมาณที่สะสมมาถึง 4 ลูก ถือเป็นภัยพิบัติที่รอบประเทศเพื่อนบ้านเราก็เจอ ก็เลยเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ เราไม่ได้ปกปิดประชาชน เรากราบเรียนประชาชนทุกขั้นตอนในแนวทางแก้ไขปัญหา ขอยืนยันเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่จริงๆ
เมื่อถามว่า น้ำที่ทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯถ้ามีปริมาณที่มากขึ้นมีแผนที่จะระบายออกให้รวดเร็วได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า
วันนี้ได้เร่งรัดกทม. ในฐานะผู้ดูแล และได้เชิญผู้ว่าฯกทม.มาหารือร่วมกันว่า ส่วนไหนที่ ศปภ.จะเข้าไปช่วยเหลือได้เรายินดี และวันนี้กองทัพก็ยินดีให้ความช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่ ดังนั้นขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน และทราบว่า ทุกท่านอ่อนล้ามาก และวันนี้เราได้แบ่งกำลังออก 2 ส่วนคือปกป้องโซนเศรษฐกิจ และอีกส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในน้ำ กำลังต่างๆ ถูกกระจายหลายวัน เจ้าหน้าที่บางท่านไม่ได้นอนเลย ทั้ง 26 จังหวัดที่มีปัญหาเรื่องน้ำ เจ้าหน้าที่ก็อ่อนล้าถือเป็นภาวะที่หนัก เจอปัญหาประดังมากพร้อมๆ กันในคราวเดียว