บิ๊กจิ๋ว จวกสันติบาลกล่าวหาเลื่อนลอย รับเงิน ทักษิณ 1,500 ล้าน ระเบิดทั่วกทม.

พร้อมติงงานข่าวยุค คมช.กำลังสะเปะสะปะ เกิดระเบิดแค่ 2 วันก็ออกมาวิเคราะห์กล่าวหากัน อ้างบุญคุณช่วยชี้แจงสื่อต่างชาติที่รายงานว่า คมช.ทำเอง คุยมีเทปคนก่อเหตุอยู่ในมือแล้ว ชี้ 2 กลุ่มการเมืองจ้องโจมตี กลัวกลับเข้าเล่นการเมือง

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 3 ม.ค. ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโดยระบุว่า ในที่ประชุมตำรวจสันติบาลมีการระบุชื่อ พล.อ.ชวลิต ชัดเจน ว่า รับเงินจำนวน 1,500 ล้านบาท จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

เรื่องอย่างนี้ทำไมไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจน ถ้ามีหลักฐานก็ไปเอามาเปิดเผยได้เลย อย่ามากล่าวหากันลอยๆ อย่างกรณีเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ กทม.ก็มีเทปอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปขอดู รู้อยู่นะว่ามีใครไปทำอะไรไว้บ้าง ซึ่งตนก็มีเทปม้วนนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก ขอตรวจสอบให้ชัดก่อน

อย่างเช่นงานด้านการข่าว ซึ่งงานข่าวลับจริงๆ แล้วมีหรือไม่ ที่ผ่านมาเห็นสะเปะสะปะกันหมด งบประมาณด้านข่าวลับมีการจัดลงไปสนับสนุนให้กับทางศูนย์รักษาความปลอดภัย บก.ทหารสูงสุด หรือไม่ มีการตรวจสอบว่ามีจุดอ่อนอย่างไร อยากให้กลับไปทบทวนก่อน ไม่ใช่พอเกิดเหตุการณ์เพียง 2 วันเท่านั้นก็ออกมาวิเคราะห์กล่าวหากัน ทั้งนี้ คมช.ควรจะปรึกษาหารือกับผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองก่อน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองรู้ หรือ ทำได้

แต่ตนก็ได้พยายามอธิบายชี้แจงแทน คมช.ไป ซึ่งก็เห็นใจที่เข้ามาทำงานเพื่อความเสียสละ ตั้งแต่การปฏิรูปการเมือง เข้ามาทำงาน แต่ในการดำเนินการจะต้องทำงานด้วยความเข้าใจ อย่าไปคิดว่าตัวเองทำถูกแล้ว

เพราะสามารถทำงานในองค์กรเอกชน มูลนิธิ หรือหน่วยงานอื่นก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ได้ให้โอวาทไว้ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาว่าการดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหน้าที่ของคนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะข้าราชการทหาร หรือตำรวจเท่านั้น

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วก็คงจะเกิดในทำนองเดียวกันอยู่บ้าง แต่คงไม่ถึงเลือดตกยางออก หรือต้องเสียเลือดเสียเนื้อ

ตนทำงานด้านความมั่นคงมาโดยตลอด มักจะถูกกล่าวหา โดยเฉพาะเวลาบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมา อย่างเช่น สมัยปราบคอมมิวนิสต์ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมฯ มีแนวคิดเป็นคอมฯ หรือสมัยมีปัญหากับประเทศลาวก็บอกว่าตนมีเชื้อสายกับลาว ต่อมาเหตุการณ์ระเบิดก็กลับไปโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง

ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทางรัฐบาล หรือ คมช.มีความหวาดระแวงและการกล่าวหาผม มองได้สองพวก หรือสองกลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มการเมือง คือกลุ่มที่กลัวผมจะกลับมาเล่นการเมืองอีก และอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่อยากจะเข้ามาเล่นทางด้านการเมือง กลัวว่าถ้า พล.อ.ชวลิตอยู่จะไม่ได้เข้ามา ก็พยายามดิสเครดิต อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้ง ถ้าน้องๆ มีปัญหาก็สามารถปรึกษาหารือผมได้เสมอ พล.อ.ชวลิต กล่าว