มหาดไทยได้ช่องลุยจัดซื้อกล้องซีซีทีวียุคสุรยุทธ์-อภิสิทธิ์

นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 กันยายน

ถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบการจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิด (ซีซีทีวี) โดยวิธีพิเศษสมัยรัฐบาลของ พล.อ.สรยุทธ์ จุลานนท์ จำนวน 969 ล้านบาทไม่โปร่งใสว่า กระทรวงมหาดไทยจะต้องทำตามคำวินิจฉัยของ สตง. โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ไม่ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้วหรือไม่ก็ตาม เพราะการออกจากราชการไปแล้วไม่ได้ถือว่าพ้นผิด


นายพิพัฒน์ชัยกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่น่ารังเกียจที่สุด
 
คือการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาระบุ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอภิสิทธิ์รู้ดีว่าเกิดขึ้นในยุคใด เพราะการเซ็นสัญญามีขึ้นในรัฐบาล พล.อ.สรยุทธ์ เป็นงบประมาณผูกพันในปี 2550-2552 แต่ไม่สามารถติดตั้งได้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยกเลิกสัญญา และขยายกรอบวงเงินงบประมาณเดิมให้พูกพันถึงปี 2555 โดยใช้วิธีพิเศษจัดซื้อจัดจ้างกับอีกบริษัทหนึ่ง


นายพระนาย สุวรรณรัฐ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หากเห็นว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่ตรงกับที่ สตง. วินิจฉัยจำเป็นต้องทำตามที่ สตง. ระบุหรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง


นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่เห็นรายงานผลการตรวจสอบของ สตง.

แต่ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นขณะดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอยืนยันว่าการจัดซื้อในโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส คณะกรรมการร่างเงื่อนไขการประกวดราคาหรือทีโออาร์ จัดทำทีโออาร์ออกมาในครั้งแรก ปรากฏว่า ไม่มีเอกชนรายใดเข้าประมูล คณะกรรมการจึงปรับร่างทีโออาร์ใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในเรื่องเทคนิคกล้องให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ไม่ได้ปรับเพิ่มวงเงิน ระหว่างดำเนินการได้หารือกับทางกรมบัญชีกลางมาโดยตลอด ทางกรมบัญชีกลางแนะนำให้ปรับทีโออาร์ใหม่เพื่อให้เกิดความเหมาะสม


นายพงศ์โพยมกล่าวว่า สุดท้ายโครงการดังกล่าวถูกยกเลิกไปเห็นว่าไม่มีความเสียหายอะไร

เพราะงบประมาณดังกล่าวมาทำต่อในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เท่าที่ทราบพบว่ารัฐบาลชุดที่แล้วปรับลดไปหลายรายการ พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้เข้าใจว่าคงอยากเล่นงานฝ่ายค้าน จึงโดนหางเลขไปด้วย ขณะที่ผลการตรวจสอบของ สตง.มีลักษณะเหวี่ยงแห เนื่องจากไม่เคยเรียกไปชี้แจงหรือตอบข้อสงสัยในโครงการดังกล่าว มีแต่เรียกข้าราชการและคณะกรรมการร่างทีโออาร์บางส่วนไปชี้แจง ทั้งนี้ พร้อมชี้แจง สตง.ในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง


ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายถิรชัย วุฒิธรรม เลขานุการรัฐมนตรีว่า ยธ.ในฐานะโฆษก พร้อม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะรองโฆษกแถลงกรณีตรวจสอบโครงการติดตั้งซีซีทีวีของกรุงเทพมหานคร (กทม.) วงเงินงบประมาณ 3,400 ล้านบาท ช่วงปี 2550-2554


นายถิรชัยกล่าวว่า เคยมีผู้แจ้งเบาะแสให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมาแล้ว

จากการตรวจสอบพบการจัดหากล้องซีซีทีวีดังกล่าวไม่มีกล้องอยู่ในกล่อง หรือเป็นกล้องดัมมี่ (กล่องเปล่า) อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยื่นให้ดีเอสไอตรวจกรณีจัดซื้อราคาสูง จึงตั้งประเด็นตรวจสอบไว้ 3 ประเด็นหลักคือ 1.สมยอมการเสนอราคาหรือไม่ 2.มีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนร่วมกระทำผิดหรือไม่ 3.มีข้าราชการทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดหาหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับ กทม. เนื่องจากเรื่องนี้ยังเป็นเพียงข้อสงสัยเท่านั้น ขอให้ดีเอสไอได้ตรวจสอบรายละเอียดก่อน

พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวว่า ตามหลักอาชญาวิทยา การใช้กล้องดัมมี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด แต่ต้องตรวจสอบคือการจัดซื้อถูกต้องหรือไม่ เช่นในสัญญาระบุให้ซื้อกล้องจริงแต่มีกล้องดัมมี่มาปนด้วยนั้นคงไม่ถูกต้อง เปรียบเทียบกับกรณีจ่าเฉยสามารถทำได้เพื่อป้องปราบการทำผิด แต่หลักสำคัญอยู่ที่กระบวนการจัดซื้อที่ต้องตรวจให้ชัดเจน


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พท.ได้เสนอญัตติด่วนในเรื่องนี้
 
รวมกับญัตติด่วนเรื่องการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในภาคใต้ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอ คาดว่าน่าจะใช้เวลาอภิปรายประมาณ 5 ชั่วโมง ทั้งนี้ เมื่อทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาแล้ว พท.ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ะจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเป็นอิสระ ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า หากจะปฏิเสธถือเป็นสิทธิ แต่อย่าไปไล่ล่าผู้ถ่ายภาพการติดกล้องเปล่าถือว่าเป็นวิธีการไม่ถูกต้อง


ที่เกาะฮ่องกง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับพิจารณาตรวจสอบการจัดซื้อกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) และการติดตั้งกล่องกล้องดัมมี่ว่า ยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาได้ชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับการจัดซื้ออย่างชัดเจนแล้ว เมื่อมีผู้ผลักดันเรื่องดังกล่าวจนเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ถือเป็นหน้าที่ขององค์กรที่รับผิดชอบทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ และอยากขอให้นักการเมืองที่ติดตามกรณีกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิด ใช้เวลาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและทำประโยชน์ให้ประชาชนดีกว่า


"ผมจะไม่ใช้เวลาในการตอบโต้เรื่องดังกล่าว หากตรวจสอบแล้วมีบุคคลของกรุงเทพมหานครกระทำผิดก็พร้อมดำเนินการลงโทษ หรือหากตรวจสอบแล้วผมเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดพร้อมรับผิดชอบ ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการจัดซื้อกล้องซีซีทีวี กทม.จะตั้งขึ้นมานั้น จะยังคงให้ตรวจสอบต่อไป แม้บางฝ่ายจะไม่ยอมรับหรือมองว่าไม่น่าเชื่อถือก็ตาม" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์