วันที่ 26 ก.ย. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ.ศูนย์วิจัยและติดตามนโยบายภาครัฐ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากประชาชนทั่วประเทศ 1,361 ราย ระหว่างวันที่ 22-24 ก.ย. เกี่ยวกับความคิดเห็นต่อการทำงานครบ 1 เดือน ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากคะแนนเต็ม 10
พบว่า ผลงานเด่นใน 3 อันดับแรกของรัฐบาล คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน 6.494 คะแนน การแก้ไขปัญหายาเสพติดและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 6.145 และ 6.141 ตามลำดับ ขณะที่ผลงานที่รั้งท้าย 3 ลำดับ คือ การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 5.027 การจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และการสร้างความปรองดอง ได้ 5.156 และ 5.354 ตามลำดับ
นายกฯ ได้คะแนนความสามารถในการทำงาน 6.341 คณะรัฐมนตรีได้เพียง 6.073 คะแนน โดย 3 รัฐมนตรีที่ทำงานเข้าตาประชาชนมากที่สุด คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ได้ร้อยละ 22.6 นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ได้ร้อยละ 16 และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ ร้อยละ 7.5
ส่วนรัฐมนตรีรั้งท้าย 3 อันดับ นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม ได้คะแนนเพียงร้อยละ 0.1 พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลกรมช.คมนาคม ร้อยละ 0.3 และนายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย ร้อยละ 0.3
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และน.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
แถลงผลงานรัฐบาลครบ 1 เดือน ว่า 1.การปรองดองสมานฉันท์และฟื้นฟูประชาธิปไตย รัฐบาลเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เห็นชอบตามข้อเสนอของคอป. ต่อนโยบายสร้างความปรองดองและฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่งตั้งคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานข้อเสนอของคอป. เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีเจตนาและมีความจริงใจที่จะทำงานร่วมกับ คอป. มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน ตั้งคณะกรรมการองค์การอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) มี นายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน
2. กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ว่า จะต้องลดปัญหายาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี 3. ส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ และเยียวยาผู้เดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย 4. เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มอบให้กกอ.รมน. ยกร่างโครงสร้างการทำงานขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อว่า ศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.กช.) ให้รองนายกฯ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นประธาน
5. ฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน 6. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 7. ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ดำเนินการให้ผู้ที่จบปริญญาตรีมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท อย่างเป็นรูปธรรมทันที มีมาตรการทางภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิต ได้แก่ บ้านหลังแรกและรถยนต์คันแรก 8. ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน เริ่มต้นจากการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ที่ราคาเกวียนละ 15,000 บาท และ 20,000 บาทตามลำดับ