ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์กรณีที่ระบุนโยบายต่างๆที่พูดไว้ในการปราศรัยหาเสียงว่าจะทำนั้นเป็นวิธีการหาเสียงไม่ใช่การให้สัญญากับประชาชน ว่าไม่ใช่อย่างนั้น ตอนหาเสียงถ้าเราไปใช้คำพูดว่าสัญญาจะผิดกฎหมายการเลือกตั้ง จึงต้องบอกว่าเป็นนโยบาย ตนแปลความตามกฎหมายไม่ใช่ว่าสิ่งที่หาเสียงไว้ไม่จำเป็นต้องนำมากำหนดเป็นนโยบาย ทุกเรื่องต้องกำหนดไว้แต่ขั้นตอนจะค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่ว่าพอเป็นรัฐบาลเดือนแรกแล้วจะทำได้หมด การที่นายกฯมอบหมายให้ตนตอบชี้แจงแทนในสภาไม่ได้หมายความว่าตนเป็นนายกฯในสภา ตนไม่บังอาจ เป็นแค่รองนายกฯก็เกินฝันแล้ว จากนี้ไปการบริหารงานของรัฐบาลจะได้รับความมั่นใจมากกว่าเดิม เคยมีนายกฯที่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์แล้วอยู่ได้ 8 ปีครึ่ง
“ถ้าให้ประเมินการชี้แจงของนายกฯมือใหม่ ผมก็ให้คะแนนเต็มฝ่ายค้านไม่ได้เล่นอะไรรุนแรง นายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็อภิปรายมีเหตุมีผลมีเพียงนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลังเท่านั้น ที่นอกบท อภิปรายเป็นลักษณะกระทู้สดอย่าไปเข้าใจว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เป็นการเมือง ท่านเป็นมหาบัณฑิตทางรัฐศาสตร์ และไม่จริงที่ไปมองว่าท่านเป็นปูทะเลที่ต้องยืมกระดองของคนอื่นท่านแข็งแรงอยู่แล้ว ไปทางไกลรู้กำลังม้า นานเวลารู้น้ำใจคน” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า แต่ฝ่ายค้านมีการโจมตีการเปลี่ยนถ้อยคำตามกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น คำว่าเงินเดือนขั้นต่ำเปลี่ยนมาเป็นคำว่ารายได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รายได้ก็คือเงินเดือน ค่าแรงก็คือรายได้ ไม่ได้แตกต่าง ยืนยันว่าเป้าหมายของรัฐบาลไม่ได้บิดเบือนภาษา เมื่อมาทำงานแล้วก็ต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ การทำตามนโยบายรัฐบาล ต้องหาวีธีการซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ไม่ใช่พอเป็นรัฐบาล 7 วันแล้วทำได้เลย จะไปเอาเงินมาจากไหน ก็ไอ้ครม.มิดไนท์มันใช้ไปตั้งหลายแสนล้าน 211 วาระคิดเป็นวาระละ 4 นาที ตั้ง 900 นาทีไปซื้อทำไมเครื่องบินตั้ง 75 ลำเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อศรัทธาที่ประชาชนให้ความไว้วางใจให้พรรคเพื่อไทยนี่กำลังจะรื้อโครงการรัฐบาลเก่า อะไรที่ส่อในทางทุจริตรื้อหมด ถ้ามอบหมายผมเป็นหัวหน้าคณะทำงานในการรื้อ ผมรื้อหมดซึ่งไม่ใช่การแก้แค้นย้อนหลัง แต่เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง คุณเก่งมาจากไหน คุณไปประชุมกันยังไง 4 นาที 1 วาระประชุมกัน 15 ช.ม.