วันที่ 22 ส.ค. พ.อ.สรรเสริญแก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2554 ว่า
ที่ประชุมสรุปสถานการณ์ในช่วงเช้าหรือมอร์นิ่งบรีฟ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ว่า จะมีการผลักดันเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักว่า ไม่ว่าเป็นเหล่าทัพไหนก็แล้วแต่มีกฎหมาย กฎระเบียบ และมีหลักการเกณฑ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมที่ว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ตามพระราชบัญญัติการจัดระเบียบของกระทรวงกลาโหม 2551 ที่ระบุว่า การโยกย้ายนายทหารระดับชั้นนายพล ว่าจะเหล่าทัพไหนก็ตามจะต้องอยู่ภายใต้คณะกรรมการตามมาตรา 25 ที่ประกอบด้วย 7 ตำแหน่ง คือ รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพ และ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ และเลขานุการ นอกจากนี้ในส่วนของกองทัพก็จะมีคณะกรรมการในการพิจารณา โดยในส่วนของกองทัพบกก็เหมือนกับเหล่าทัพอื่น ไม่ใช่ว่า ผบ.ทบ. จะนึกแต่งตั้งใครตามอำเภอใจ เพราะจะมีคณะกรรมการจะเป็ผู้พิจารณา โดยจะมีรอง ผบ.ทบ. เป็นประธานในการพิจารณา โดยที่ ผบ.ทบ.ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าว หากลงตัว ผบ.ทบ.ก็จะไม่ลงไปดูในรายละเอียด
เช่น ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมที่จะเสนอใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งในระดับสูงก็จะต้องเป็นเรื่องของปลัดกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่ในส่วนของ บก.กองทัพไทย ก็ต้องเป็นอำนาจของ ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะต้องเป็นผู้พิจารณา ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจในการทำในเรื่องนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายไม่มีใครรู้จริงว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งไหน จะทราบก็ต่อเมื่อมีมติต่อที่ประชุม และมีการนำรายชื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ จนกระทั่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าถึงจะเป็นที่สิ้นสุดไม่มีใครรู้จริง ทั้งนี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีการระบุว่าจะมีการนำเพื่อนร่วมรุ่นของ ผบ.ทบ.มาดำรงตำแหน่งนั้น ในตำแหย่งปลัดกลาโหมจะต้องมีอัตราจอมพลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารจะมีการพิจารณาจากบอร์ดของกองทัพ ไม่ได้แต่งตั้งตามความรู้สึกของผบ.ทบ. และผู้บังคับบัญชาก็คำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นกฎระเบียบอยู่ ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องนี้มาพิจารณา